 |
|
|
 |
|
ห้องข่าว >> ภาพข่าว >> ภาพข่าวสภาผู้แทนราษฎร  |
นายพิสิฐ ลี้อาธรรม รองประธานคณะ กมธ.การเงิน การคลัง สถาบันการเงินและตลาดการเงิน คนที่สอง พร้อมด้วย ศ.เกียรติคุณ นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ ประธานมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ นพ.ชยนันท์ สิทธิบุศย์ ผู้อำนวยการกองงานคณะกรรมการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข และ นพ.ไพโรจน์ เสาน่วม ผู้ช่วยผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) แถลงข่าวเกี่ยวกับผลการประชุมคณะ กมธ. ในวันนี้ (3 พ.ย. 65) ๏ฟฝัน๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ 3 ๏ฟฝ.๏ฟฝ. 2565 |
|
|
| วันพฤหัสบดีที่ 3 พฤศจิกายน 2565 เวลา 13.10 นาฬิกา ณ ห้องแถลงข่าว ชั้น 1 อาคารรัฐสภา นายพิสิฐ ลี้อาธรรม รองประธานคณะ กมธ.การเงิน การคลัง สถาบันการเงินและตลาดการเงิน คนที่สอง พร้อมด้วย ศ.เกียรติคุณ นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ ประธานมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ นพ.ชยนันท์ สิทธิบุศย์ ผู้อำนวยการกองงานคณะกรรมการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข และ นพ.ไพโรจน์ เสาน่วม ผู้ช่วยผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) แถลงข่าวเกี่ยวกับผลการประชุมคณะ กมธ. ในวันนี้ (3 พ.ย. 65) ซึ่งได้มีการพิจารณาเรื่องการบังคับใช้โครงสร้างภาษีบุหรี่และยาสูบใหม่ ผลกระทบต่อรายได้ของรัฐและการลดผู้สูบบุหรี่ ยาสูบ และบุหรี่ไฟฟ้าของคนไทย โดยได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม ซึ่งจากการพิจารณาได้รับทราบข้อมูลที่น่าตกใจว่า มีการสูบบุหรี่ไฟฟ้ามากขึ้นในประเทศไทยโดยในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา มีการสูบบุหรี่ไฟฟ้ามากขึ้นโดยเฉพาะในหมู่เยาวชน ซึ่งบุหรี่ไฟฟ้าแท้จริงแล้วไม่ได้ช่วยลดการสูบบุหรี่แต่ตรงกันข้ามจะทำให้มีการติดบุหรี่มากยิ่งขึ้น และการที่ประเทศไทยยังไม่ได้ให้สัตยาบันในพิธีสารว่าด้วยการขจัดการค้าผลิตภัณฑ์ยาสูบที่ผิดกฎหมาย มาตรา 15 ขององค์การอนามัยโลก (WHO) เกี่ยวกับการรณรงค์ไม่ให้มีการสูบบุหรี่ซึ่งผู้แทนจากกระทรวงสาธารณสุขได้ชี้แจงว่า ในกระบวนการที่กระทรวงสาธารณสุขดูแลอยู่นั้นได้มีมติไปเรียบร้อยแล้ว ปัจจุบันเรื่องอยู่ที่กระทรวงการคลัง จึงขอเรียกร้องให้กระทรวงการคลัง รีบดูแลเรื่องนี้โดยเร็วเพื่อที่ประเทศไทยจะได้เป็นภาคีที่ลงนามในพิธีสารฯ ซึ่งจะทำให้การรณรงค์การไม่สูบบุหรี่มีความเข้มแข็งมากยิ่งขึ้น สำหรับในเรื่องของการรณรงค์ไม่สูบบุหรี่นั้น เรามีองค์กรหลักคือ สสส. ซึ่งได้ทำงานมาเป็นเวลา 21 ปี แล้ว และได้รับความสำเร็จในการทำให้คนไทยลดการสูบบุหรี่เหลือประมาณ 10 ล้านคน เพราะไม่เพียงแต่ผู้สูบเท่านั้นแต่ผู้ที่อยู่ข้างเคียงก็จะได้รับผลกระทบไปด้วย ซึ่งความเสียหายจากการต้องเสียค่ารักษาพยาบาล การป่วย และการไม่มีรายได้นั้นไม่คุ้มค่าเลย จึงขอให้กระทรวงการคลังระมัดระวังเพราะสิ่งนี้เป็นความเสียหายที่ประเมินค่าไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวข้องกับชีวิตของผู้คนที่ต้องบาดเจ็บและล้มป่วยจากโรคที่เกิดจากบุหรี่ ทั้งนี้ คนที่ติดบุหรี่แล้วโอกาสจะเลิกนั้นยากมาก จึงต้องป้องกันไว้ดีกว่าแก้ไขในภายหลัง จึงขอขอบคุณองค์กรต่าง ๆ อาทิ สสส. ที่ได้ช่วยรณรงค์ให้ลูกหลานคนไทยไม่สูบบุหรี่ โดยเฉพาะบุหรี่ไฟฟ้าซึ่งมักจะมีการหลอกล่อให้เยาวชนหลงใหล จึงขอให้สื่อมวลชนเผยแพร่ข้อมูลนี้ให้เยาวชนได้รับทราบเพื่อจะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อของบุหรี่ต่อไ |
 |
 |
 |
 |
|