วันพุธที่ 5 ตุลาคม 2565 เวลา 11.00 นาฬิกา ณ จุดรับยื่นหนังสือ ชั้น 1 (โซนกลาง) อาคารรัฐสภา นายราเมศ รัตนะเชวง เลขานุการประธานรัฐสภา พร้อมด้วย นายเกียรติ สิทธีอมร ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ รับยื่นหนังสือจาก นายนิธิวัฒน์ ธีระนันทกุล นายกสมาคมเครือข่ายยุติธรรมประมงไทย ในฐานะเครือข่ายผู้ได้รับผลกระทบจากกฎหมายประมงภาคประชาชน และคณะ เรื่อง ปัญหาการจัดการประมงไทยที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจการประมง และความล่มสลายของอาชีพ
สืบเนื่องจากการใช้นโยบายของฝ่ายบริหารของรัฐบาลในการจัดการประมงว่า ปัญหาประมงมุ่งเน้นตอบสนองต่อการแก้ไขปัญหาที่เรียกกันว่า การปราบปรามการทำประมงผิดกฎหมาย ซึ่งอาชีพประมงของไทยนี้จะสามารถกลับมาช่วยผลักดันเศรษฐกิจของประเทศให้ดีขึ้นได้ และเป็นปัญหาที่ต้องให้รัฐบาลทุ่มงบประมาณลงไปโดยที่ยังไม่สามารถควบคุมได้ เพราะการทุ่มงบประมาณที่ลงไปนั้น มุ่งเน้นในการปราบปรามโดยการใช้กฎหมาย ที่ไม่เป็นธรรม และไม่ถูกต้อง เนื่องจากกฎหมายประมงเป็นกฎหมายใหม่ที่เร่งรีบออกมาโดยมิได้มีการศึกษา ตรวจสอบ ให้ถูกต้อง ทำให้เกิดกรณีพิพาท และดำเนินคดีเป็นจำนวนมาก ดังนั้น กลุ่มชาวประมงจึงขอยื่นหนังสือชี้แจงปัญหาด้านการประมง ดังนี้ 1. ด้านพลังงานน้ำมัน ซึ่งเป็นปัญหาเกี่ยวกับเรื่องโครงการน้ำมันเขียว (น้ำมันซัลเฟอร์สูง เพื่อการส่งออก แต่นำมาจำหน่ายให้แก่ชาวประมงโดยมีอัตราภาษีเป็นศูนย์ ในเขตทะเลเพื่อสนับสนุนให้ชาวประมงมีต้นทุนในการประมงที่เหมาะสม และประกอบอาชีพหาวัตถุดิบมาป้อนอุตสาหกรรมประมงในประเทศได้) ซึ่งมีปัญหาเกิดขึ้นกระทบเป็นวงกว้าง 2. ด้านแรงงาน ซึ่งเป็นการทำงานซ้ำซ้อนของราชการ อาทิ ปัญหาแรงงานขอให้แก้ไขขั้นตอนต่างๆ ในการต่อบัตรแรงงาน บัตรประจำตัวผู้ที่ไม่มีสัญชาติไทย ซึ่งยังมีความล่าช้าทำให้แรงงานต้องถูกจับกุม แรงงานไม่สามารถเปิดบัญชีธนาคารได้ ไม่ได้รับค่าจ้าง ไม่สามารถออกหนังสือคนประจำเรือได้ เกิดช่องว่างในการฉวยโอกาส สร้างรายได้ในการรับจ้างทำเอกสาร จนนำไปสู่การฉ้อโกงออกเอกสารปลอม 3. ด้านการจัดการ การทำงานของคณะทำงานที่มีการตั้งขึ้นจากฝ่ายนโยบายซึ่งมีผู้นำในการพิจารณาเรื่องประชุมในเรื่องต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับนโยบายด้านการประมงที่เรียกว่าคณะกรรมการนโยบายประมงแห่งชาติ มีการทำงานที่ซ้ำซ้อน และไม่ประสานสอดคล้องกันตามอำนาจหน้าที่ และความเชี่ยวชาญ เพิ่มขั้นตอนความยุ่งยากให้แก่ผู้ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดการบังคับให้ผู้ถูกกล่าวหาต้องให้ถ้อยคำภายใน 7 วัน และเมื่อให้ถ้อยคำแล้วยังคงเอาคำให้ถ้อยคำนั้นมากล่าวหาซ้ำอีก ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นในกระบวนการสอบสวน ทางราชการไม่ให้มีการพิสูจน์เชิงประจักษ์ตามความเป็นจริง แทนการพิสูจน์จากบทกฎหมายที่ประกาศใช้ ซึ่งทำให้ชาวประมงต้องตกเป็นเหยื่อของการดำเนินการตามกระบวนการเพื่อความยุติธรรมที่รัฐเป็นฝ่ายคุมอำนาจด้วยกฎหมายที่ให้อำนาจมากเกินไป 4. ด้านกฎหมาย การดำเนินการที่ผ่านมาจากเครือข่ายประมงภาคประชาชนมาจากความร่วมมือของชาวประมงตัวจริงที่มาจากผู้นำทั้งระดับองค์กร และผู้ทรงคุณวุฒิที่เชี่ยวชาญในอาชีพประมง โดยการแสดงความมีส่วนร่วมที่สำคัญคือร่วมเป็นคณะที่ปรึกษาในคณะอนุกรรมาธิการพิจารณาศึกษาและแก้ไขปัญหาประมงไทยในคณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ ได้เสนอปัญหาต่าง ๆ จนได้ข้อสรุปในการแก้ปัญหาที่ต้องมีความจำเป็นเร่งด่วนคือการแก้ปัญหาที่เป็นผลกระทบจากการออกกฎหมาย และการบังคับใช้กฎหมาย ด้วยการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายประมง ซึ่งเรื่องดังกล่าวได้ยื่นเป็นวาระเข้าสู่การพิจารณาแล้วนั้น 5. ด้านกองทุนประมง เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็ง และฟื้นฟูขีดความสามารถของกองเรือประมงไทยที่เคยเป็นที่หนึ่งของภูมิภาคนี้ ให้กลับคืนมาใหม่โดยเฉพาะอย่างยิ่งกองเรือประมงนอกน่านน้ำไทย ที่ประสบปัญหาในหลายปัจจัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องกฎหมาย และหลักเกณฑ์ที่ไม่เอื้อต่อการทำประมงนอกน่านน้ำไทย รวมทั้งขาดบุคลากรภาครัฐที่เข้าใจบริบทที่แท้จริงในการทำการประมงนอกน่านน้ำไทยในรูปแบบต่าง ๆ 6. ศูนย์ช่วยเหลือ ขอให้มีการพิจารณาจัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือเร่งด่วนต่อชาวประมงที่มาจากคณะบุคคลจากฝ่ายชาวประมง และเจ้าหน้าที่รัฐ ไม่ว่าจะช่วยเหลือด้านการเจรจาหาข้อยุติในข้อขัดแย้งทางการทำการประมง ซึ่งเกิดขึ้นจากบุคลากรของกรมประมง เป็นบุคลากรที่บรรจุมาใหม่ ยังขาดความรู้ความเข้าใจในพฤติกรรมทางการทำประมง จนบางเหตุการณ์เกิดข้อชัดแย้งจากการไม่เข้าใจกัน
ดังนั้น จึงขอให้นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ข้อเรียกร้องดังกล่าวข้างต้นที่ส่งผลกระทบต่อชาวประมง เกิดประโยชน์สูงสุดต่อไป
ด้านนายราเมศ รัตนะเชวง กล่าวภายหลังรับหนังสือว่าจะนำเรื่องดังกล่าวกราบเรียนประธานรัฐสภา เพื่อโปรดพิจารณาดำเนินการแก้ไขปัญหาในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
