นายธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ โฆษกคณะ กมธ.กิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ ผู้พิการ กลุ่มชาติพันธุ์ และผู้มีความหลากหลายทางเพศ รับยื่นหนังสือจาก นายชิษณ์ชาภา พานิช นักศึกษาปริญญาโท คณะนิติศาสตร์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

วันพุธที่ 10 สิงหาคม 2565 เวลา 14.00 นาฬิกา ณ จุดรับยื่นหนังสือ ชั้น 1 (โซนกลาง) อาคารรัฐสภา นายธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ โฆษกคณะ กมธ.กิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ ผู้พิการ กลุ่มชาติพันธุ์ และผู้มีความหลากหลายทางเพศ รับยื่นหนังสือจาก นายชิษณ์ชาภา พานิช นักศึกษาปริญญาโท คณะนิติศาสตร์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เพื่อขอให้เร่งรัดสภาทนายความแก้ไขกฎระเบียบว่าด้วยการแต่งกายตามเพศสภาพและให้ยุติการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมระหว่างเพศต่อผู้เข้ารับการฝึกอบรมและสอบวิชาว่าความที่มีเพศสภาพไม่ตรงกับเพศกำเนิด
สืบเนื่องจากการสมัครเข้ารับฝึกอบรมวิชาว่าความภาคทฤษฎี รุ่นที่ 57 เจ้าหน้าที่ของสภาทนายความได้แจ้งต่อหน้าผู้สมัครอบรมจำนวนมาก ว่าตนไม่สามารถแต่งกายเป็นหญิงเข้าสอบข้อเขียนได้เนื่องจากคำนำหน้าชื่อเป็นผู้ชายก็ต้องแต่งตัวแบบผู้ชายตามระเบียบของสภาทนายความ มิฉะนั้น จะถูกตัดคะแนนหรือให้ออกจากห้องสอบตามแต่ดุลพินิจของกรรมการผู้คุมสอบและผู้ตรวจข้อสอบ แต่หากต้องการแต่งกายเป็นหญิงเข้าสอบจะต้องทำหนังสือถึงผู้อำนวยการสภาทนายความขออนุญาตแต่งหญิงโดยแนบใบรับรองแพทย์การผ่าตัดแปลงเพศพร้อมติดรูปที่เป็นอยู่ในปัจจุบันเพื่อให้กรรมการพิจารณาว่าจะอนุญาตหรือไม่ จึงยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการวินิจฉัยการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมระหว่างเพศ (วลพ.) เพื่อวินิจฉัยว่าการกระทำของสภาทนายความดังกล่าวเป็นการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมระหว่างเพศ ต่อมา คณะกรรมการ วลพ. ได้มีคำวินิจฉัยให้สภาหนายความแก้ไขกฎ ข้อบังคับ ประกาศ หรือแนวปฏิบัติเพื่อรับรองสิทธิของบุคคลที่มีการแสดงออกทางเพศแตกต่างจากเพศโดยกำเนิดให้สามารถแต่งกายตามเพศสภาพได้ ไม่ว่าจะเป็น การเข้าอบรม ฝึกงาน สอบข้อเขียน การสัมภาษณ์ หรือสอบวัดผลอื่น ๆ รวมถึงเข้ารับประกาศนียบัตรด้วย แต่ขณะนี้ สภาทนายความก็ยังไม่เห็นด้วยกับคำวินิจฉัยดังกล่าวและได้ยื่นฟ้องคณะกรรมการ วลท. ต่อศาลปกครองกลาง เมื่อวันที่ 17 ก.ค. 65 ว่าคำวินิจฉัยดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทำให้วันที่ 14 ส.ค. 65 ซึ่งเป็นกำหนดการสอบวิชาว่าความ ภาคปฏิบัติ รุ่นปี 57 การแต่งกายเป็นหญิงตามเพศสภาพนั้น ยังเป็นการฝ่าฝืนต่อกฏการแต่งกายของสภาทนายความอันเป็นความผิด และเป็นการเปิดช่องให้คณะกรรมการคุมสอบและตรวจข้อสอบใช้ดุลพินิจหักคะแนนสอบ และให้ออกจากห้องสอบได้ จึงขอให้คณะ กมธ. เร่งรัดให้สภาทนายความแก้ไขกฎระเบียบให้สามารถแต่งกายตามเพศสภาพได้และให้สภาทนายความยุติการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมระหว่างเพศต่อผู้เข้ารับการฝึกอบรมและสอบวิชาว่าความที่มีเพศสภาพไม่ตรงกับเพศกำเนิดหรือบุคคลข้ามเพศ ซึ่งจะเป็นการให้ความเป็นธรรมแก่ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของบุคคลข้ามเพศทุกคนที่ต้องการประกอบอาชีพทนายความอันเป็นอาชีพที่ทรงเกียรติต่อไป