วันจันทร์ที่ 18 กรกฎาคม 2565 เวลา 14.45 นาฬิกา ณ จุดรับยื่นหนังสือ ชั้น 1 (โซนกลาง) อาคารรัฐสภา นพ.สุกิจ อัถโถปกรณ์ ที่ปรึกษาประธานสภาผู้แทนราษฎร และนายบัญญัติ เจตนจันทร์ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ รับยื่นหนังสือจาก นายดิเรก จอมทอง ผู้ประสานงานเครือข่ายผู้ได้รับผลกระทบจากกฎหมายประมงภาคประชาชน และคณะ เพื่อเรียกร้องการแก้ไขปัญหาประมง ต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร เนื่องจากคณะกรรมาธิการยุโรปได้ประกาศให้ไทยเป็นประเทศที่มีความเป็นไปได้ที่ไม่ให้ความร่วมมือตามกฎระเบียบ IUU ของสหภาพยุโรป ซึ่งกดดันให้รัฐบาลต้องแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วนเพื่อป้องกันผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับการส่งออกสินค้าประมงไปยังสหภาพยุโรป โดยการออกกฎหมายมาบังคับใช้แบบขาดการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย จากนั้น คณะกมธ.การเกษตรและสหกรณ์ จึงได้พิจารณาศึกษาและแก้ไขปัญหาประมงไทย โดยกำหนดวัตถุประสงค์ในการศึกษาเพื่อรวบรวมและวิเคราะห์ปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการประมงทะเลไทยอย่างรอบด้าน ตามรายงานผลการพิจารณาศึกษาญัตติ เรื่องการศึกษาและแก้ไขปัญหาประมงไทย ซึ่งที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรได้พิจารณาและได้ให้ความเห็นชอบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ปัจจุบัน
มีสมาชิกจากองค์กรชุมชนประมงท้องถิ่นและสมาคมประมง ยังได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาต่าง ๆ อาทิ การจับสัตว์น้ำ ปัญหาแรงงาน ปัญหาความไม่ชัดเจนของกฎหมาย จึงยื่นหนังสือข้อเรียกร้องการแก้ไขปัญหาประมง เพื่อโปรดพิจารณาดำเนินการ ดังต่อไปนี้1. ขอให้ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้โปรดติดตาม ทวงถามรัฐบาลหรือหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องว่าได้ปฏิบัติตามข้อสังเกตในรายงานของคณะ กมธ. แล้วหรือไม่ ประการใด 2. ขอให้ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้โปรดพิจารณาเร่งรัดการนำร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดการประมง พ.ศ.2558 ที่ได้รับการบรรจุเข้าสู่ระเบียบวาระการประชุมแล้ว เข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อประกาศใช้เป็นกฎหมายต่อไป3. ขอให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรได้โปรดแจ้งต่อรัฐบาลให้ชะลอการบังคับใช้กฎหมายตามข้อกำหนด มาตรา 57 ห้ามมิให้ผู้ใดจับสัตว์น้ำหรือน้ำสัตว์น้ำที่มีขนาดเล็กกว่าที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดขึ้นเรือประมง ออกไปก่อน เพราะรัฐบาลต้องคำนึงถึงสภาพธรรมชาติและความหลากหลายของสัตว์น้ำ เครื่องมือประมงในประเทศไทยยังไม่สามารถเลือกจับสัตว์น้ำเป็นรายชนิดได้อย่างชัดเจน เนื่องจากตั้งอยู่ในเขตร้อน มีความหลากหลายของชนิดสัตว์น้ำมาก นายบัญญัติ เจตนจันทร์ กล่าวภายหลังการรับหนังสือว่า ที่ปรึกษาประธานสภาผู้แทนราษฎรจะนำเรื่องดังกล่าว กราบเรียนประธานสภาผู้แทนราษฎรเพื่อดำเนินการต่อไป