|  
													
													
													
													 
 
													
											 | 
				
				 
					| 
											 | 
					 
													
																			
															
									 ห้องข่าว >>  ภาพข่าว >>   ภาพข่าวสภาผู้แทนราษฎร  									 |  
																																	
										นางกรณิศ งามสุคนธ์รัตนา และนายบัญญัติ เจตนจันทร์ โฆษกคณะ กมธ. วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 แถลงข่าวความคืบหน้าการพิจารณาร่าง พร.บ.งบประมาณ  
																															๏ฟฝัน๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ 8 ๏ฟฝ.๏ฟฝ. 2565 
																				
																				
										
										 
										
										
										
										
										
									 | 
								 
								
																												
								 
								
							 
							
							 
	
  
     
    วันศุกร์ที่ 8 กรกฎาคม 2565 เวลา 14.00 นาฬิกา ณ ห้องแถลงข่าว ชั้น 1 อาคารรัฐสภา นางกรณิศ งามสุคนธ์รัตนา และนายบัญญัติ เจตนจันทร์ โฆษกคณะ กมธ. วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 แถลงข่าวความคืบหน้าการพิจารณาร่าง พร.บ.งบประมาณฯ ว่า ในวันนี้เป็นการประชุมครั้งที่ 25/2565 คณะ กมธ.ได้ใช้เวลาในการพิจารณางบประมาณมาแล้วทั้งหมด 22 วัน รวม 197 ชั่วโมง ซึ่งมีหน่วยงานที่ผ่านการพิจารณาไปแล้ว รวม 13 กระทรวง 9 หน่วยงาน 13 กองทุน คิดเป็นร้อยละ 48.1 ของหน่วยงานที่ต้องพิจารณาทั้งหมด 
 
 ซึ่งเมื่อวานนี้ (7 ก.ค.65) เป็นการประชุมครั้งที่ 24/2565  คณะ กมธ. ได้พิจารณางบประมาณในภาพรวมของกระทรวงมหาดไทย งบประมาณทั้งสิ้น 325,578,903,700 บาท และพิจารณางบประมาณหน่วยงานในสังกัดกระทรวงมหาดไทย ทั้งหมด 10 หน่วยงาน 2 กองทุน รวมทั้งพิจารณางบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 2 หน่วยงาน คือ กรุงเทพมหานคร และ เมืองพัทยา ส่วนในการพิจารณางบประมาณของกรมการพัฒนาชุมชน สังกัด กระทรวงมหาดไทย งบประมาณจำนวน 5,016,712,500 บาท มี กมธ. บางท่าน สอบถามถึงโครงการโคกหนองนาโมเดล ซึ่งเป็นโครงการที่กระทรวงมหาดไทยให้ความสำคัญและเป็นโครงการที่ดี โดยได้สอบถามถึงงบประมาณที่ได้ใช้ไปโครงการนี้ รวมถึงสอบถามถึงผลสัมฤทธิ์ของโครงการก่อให้เกิดประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน และยกระดับเศรษฐกิจฐานรากในชุมชนอย่างไร นอกจากนี้ ยังได้สอบถามกรมการพัฒนาชุมชนถึงโครงการในอดีตของกรมฯ เช่น โครงการพัฒนาสตรีระดับหมู่บ้าน ระดับตำบล ระดับอำเภอ และระดับจังหวัด เพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจฐานราก หรือที่เรียกว่า โครงการโอท็อป ที่ทำให้สตรีในชุมชนมีงานทำและมีรายได้เพิ่มเติม แต่ปัจจุบันเห็นว่าไม่มีโครงการนี้แล้ว ทั้งที่ปัจจุบันประเทศไทยมีปัญหาเรื่องของวิกฤตเศรษฐกิจ เพราะเหตุใด หน่วยงานจึงไม่สนับสนุนให้กลุ่มพัฒนาสตรีมีบทบาทในการประกอบอาชีพและหารายได้ เพราะการขอรับจัดสรรงบประมาณของหน่วยงาน ไม่ได้ขอรับจัดสรรงบประมาณในส่วนนี้ ผู้แทนจากหน่วยงาน ชี้แจงว่า หน่วยงานยังคงดำเนินการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตสตรี ทั้งเรื่องของการประกอบอาชีพ และสนับสนุนการรวมกลุ่มสตรีเพื่อสร้างรายได้ที่เกิดจากขึ้นจากผลิตภัณฑ์ภูมิปัญญาท้องถิ่น นอกจากนี้ หน่วยงานจะจัดให้มีการรวมกลุ่มและให้ขอรับเงินอุดหนุนจากกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี ที่เป็นแหล่งเงินทุนหมุนเวียนดอกเบี้ยต่ำ ในการสร้างโอกาสให้สตรีเข้าถึงแหล่งเงินทุนสำหรับการลงทุนเพื่อพัฒนาอาชีพ สร้างงาน และสร้างรายได้ 
 
 ส่วนในการพิจารณางบประมาณของกรมที่ดิน จำนวน 6,597,816,500 บาท มี กมธ. บางท่านสอบถาม เกี่ยวกับปัญหาการออกเอกสารสิทธิที่ผิดกฎหมาย ในพื้นที่จังหวัดด้านการท่องเที่ยว ซึ่งมีการสร้างรีสอร์ทและที่พักอาศัยอยู่บนภูเขา ถือเป็นการทำลายทรัพยากรของประเทศผู้แทนของกรมที่ดิน ได้ชี้แจงว่า กรมที่ดินได้เร่งรัดการดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงให้เป็นที่ยุติแล้ว หากเป็นการออกเอกสารสิทธิไปโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย จะดำเนินการเพิกถอนตามมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน โดย เคร่งครัด ส่วน กรณีที่ สำนักงาน ป.ป.ช. แจ้งมติคณะกรรมการ ป.ป.ช. ให้กรมที่ดินดำเนินการเพิกถอนเอกสารสิทธิที่ผิดกฎหมาย กรมที่ดินได้มีการกำหนดแนวทางและมาตรการเพื่อแก้ปัญหาแล้วเช่นกัน ทั้งนี้ ที่ผ่านมาโครงการเดินสำรวจในอดีตอาจมีการเดินสำรวจออกโฉนดที่ดินโดยผิดพลาด ซึ่งหน่วยงานยอมรับ แต่ได้มีการกำหนดมาตรการเพื่อป้องกันไมให้เกิดความผิดพลาดขึ้นอีกแล้ว โดยกำหนดแนวทางให้มีการประกาศระวางแผนที่ที่จะเดินสำรวจและก่อนการลงนามออกโฉนดที่ดินจะต้องส่งให้กรมที่ดินตรวจสอบก่อน ซึ่งจะแก้ไขข้อผิดพลาดได้มาก 
 
 ในส่วนการพิจารณางบประมาณของ กรุงเทพมหานคร งบประมาณทั้งสิ้น 22,284,292,200 บาท มี กมธ. บางท่าน สอบถามเกี่ยวกับปัญหาการจัดเก็บภาษี ที่ดินในเขตกรุงเทพมหานครที่มีการหลบเลี่ยงภาษี บริเวณถนนประชาชื่นมีการปลูก กล้วยปลูกมะนาวกันจำนวนมากกลางใจเมือง ทั้งนี้ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ชี้แจงว่า กรณีดังกล่าวนั้น  การตัดสินว่าเป็นแปลงเกษตรหรือไม่ใช่แปลงเกษตร เป็นกฎของกระทรวงการคลังซึ่งกรุงเทพมหานครไม่มีอำนาจในการวินิจฉัย อย่างไรก็ตาม หากมีหลักเกณฑ์ว่าปลูกต้นกล้วยกี่ต้น มะนาวกี่ต้น แล้วตามกฎหมายถือว่าเป็นการทำการเกษตร ต้องตัดสินว่าเป็นการทำการเกษตร แต่อำนาจของกรุงเทพมหานคร มีอยู่ไม่มาก คือการปรับเพดานภาษี กฎหมายกำหนดเพดานการเก็บภาษีทางการเกษตรสูงสุดอยู่ที่ร้อยละ 0.15 แต่ปัจจุบันที่ประกาศไว้จัดเก็บเพียงร้อยละ 0.05 เท่านั้น โดยหากกรุงเทพมหานครจะจัดเก็บภาษีในส่วนนี้ อาจมีการประกาศว่าหากเป็นกรณีทำการเกษตรในพื้นที่พาณิชย์สีแดง กรุงเทพมหานครจะเก็บภาษีสูงสุด คือ ร้อยละ0.15 ซึ่งจะพิจารณาอีกครั้ง ทั้งนี้ ในปัจจุบันกรุงเทพมหานครจัดเก็บภาษีเป็นขั้นบันไดเพราะว่า การจัดเก็บภาษีอาจกระทบกับเกษตรกรตัวจริงที่อยู่ตามพื้นที่เขตมีนบุรีหรือเขตหนองจอก อย่างไรก็ตาม หากเจ้าของที่ดินไม่อยากปลูกกล้วยหรือปลูกอ้อยเพื่อเลี่ยงภาษีสามารถให้พื้นที่กับกรุงเทพมหานครเพื่อจัดทำเป็นสวนสาธารณะในระยะเวลา 10 ปีได้จะทำให้ไม่ต้องเสียภาษี 
         | 
   
 
								
								
								
								
								
								 | 
							
																	
																	
																	
																	
															 | 
					
					 
						|  
															 
  
															
   
     
       
         
           
             
               สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร  
                  ถนนประดิพัทธ์ แขวงพญาไท  
                   เขตพญาไท กรุงเทพฯ 10400 
                                    โทร : 0 2244 2500 
                  e-Mail : webmaster@parliament.go.th 
                   | 
             
             
               
																							
								
								| จำนวนผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ในหน้า | 
								 
								 								
								 
															ตั้งแต่วันที่ 24 มีนาคม 2562 
															 | 
             
          
          | 
       
        | 
       
          | 
       
          | 
       
          | 
     
  
  
													 |