FONTSIZE
ห้องข่าว >> ภาพข่าว >> ภาพข่าวสภาผู้แทนราษฎร
ศ.โกวิทย์ พวงงาม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคพลังท้องถิ่นไท และนายสฤษฏ์พงษ์ เกี่ยวข้อง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคภูมิใจไทย แถลงข่าวเกี่ยวกับกฎหมายเข้าชื่อถอดถอนสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น

๏ฟฝัน๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ 8 ๏ฟฝ.๏ฟฝ. 2565

วันศุกร์ที่ 8 กรกฎาคม 2565 เวลา 10.00 นาฬิกา ณ ห้องแถลงข่าว ชั้น 1 อาคารรัฐสภา ศ.โกวิทย์ พวงงาม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคพลังท้องถิ่นไท และนายสฤษฏ์พงษ์ เกี่ยวข้อง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคภูมิใจไทย แถลงข่าวเกี่ยวกับกฎหมายเข้าชื่อถอดถอนสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น โดยเห็นว่ากฎหมายที่คณะรัฐมนตรีพิจารณาเสร็จแล้ว และจะเสนอเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎร เมื่ออ่านรายละเอียดแล้วเกรงว่าจะนำไปสู่ความขัดแย้งในท้องถิ่นมากขึ้น ทั้งนี้ ศ.โกวิทย์ พวงงาม กล่าวว่า การร่าง พ.ร.บ.เข้าชื่อเพื่อถอดถอนสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. .... โดยยกเลิกการลงคะแนนเสียงเพื่อถอดถอนสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2542 และได้เสนอ พ.ร.บ.การถอดถอนโดยใช้วิธีการเข้าชื่อเพื่อถอดถอนสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น ไว้ 2 กรณี และทั้ง 2 กรณีในกฎหมายมีประเด็นที่อาจจะนำมาสู่ความขัดแย้งในท้องถิ่น ดังนี้

กรณีที่ 1 เป็นกรณีในการเข้าชื่อเพื่อถอดถอนสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น เมื่อมีจำนวนผู้เข้าชื่อถอดถอนเกินกึ่งหนึ่งของผู้ไปใช้สิทธิเลือกตั้งแล้ว ให้ผู้กำกับดูแลดำเนินการประกาศให้ประชาชนทราบ และให้ถือว่าวันประกาศเป็นประกาศพ้นจากตำแหน่งของผู้ถูกถอดถอน นั่นคือ ผู้บริหารท้องถิ่นหรือสมาชิกสภาท้องถิ่นพ้นจากตำแหน่งไปซึ่งเป็นประเด็นที่จะก่อให้เกิดความขัดแย้งกันในท้องถิ่นอย่างหลีกเสี่ยงไม่ได้ เพราะเป็นการเปิดโอกาสให้คู่แข่งกับผู้บริหารท้องถิ่นหรือสมาชิกสภาท้องถิ่นที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามหาวิธีการเพื่อการจูงใจ หรือกระทำการใด ๆ หรือกลั่นแกล้ง เพื่อให้ประชาชนเข้าชื่อถอดถอนสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น โดยการให้ประชาชนเข้าชื่อเกินกึ่งหนึ่งเพื่อถอดถอนผู้บริหารท้องถิ่นหรือสมาชิกสภาท้องถิ่น นี่คือสัญญาณอันจะนำมาสู่ความขัดแย้งและก่อให้เกิดการแบ่งฝักแบ่งฝ่ายขึ้นในท้องถิ่นในอนาคต ซึ่งไมใช่เจตนารมณ์ของประชาชนอย่างแท้จริง

กรณีที่  2 กรณีการเข้าชื่อขอให้มีการสอบสวนเพื่อถอดถอนสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น หากประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งมีการเข้าชื่อถอดถอนจำนวนเกิน 5,000 คน หรือเกิน 1 ใน 5 ให้ผู้กำกับดูแลตั้งคณะกรรมการสอบสวนและแจ้งข้อกล่าวหาให้ผู้ถูกกล่าวหาทราบ และเมื่อคณะกรรมการฯ สอบสวนผู้ถูกกล่าวหาว่ามีความผิด ให้ผู้กำกับดูแลสั่งให้ผู้นั้นพ้นจากตำแหน่งทันที สำหรับประเด็นที่มีความกังวล คือ การให้ผู้กำกับดูแลแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวงนั้น จะเป็นการเปิดช่องทางให้ผู้กำกับดูแลใช้อำนาจที่ไม่เป็นธรรม ไม่เป็นกลาง หรืออาจมีการกลั่นแกล้งผู้บริหารท้องถิ่นหรือสมาชิกสภาท้องถิ่นบางคนได้หรือไม่ และถือเป็นการยื่นดาบในการให้อำนาจกับผู้กำกับดูแลอีกอำนาจหนึ่งหรือไม่ ทั้ง ๆ ที่ผู้กำกับดูแลมีอำนาจกำกับดูแลตามกฎหมายจัดตั้งของแต่ละองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอยู่แล้ว

ด้านนายสฤษฏ์พงษ์ เกี่ยวข้อง กล่าวเพิ่มเติมว่า การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นและผู้บริหารท้องถิ่น มีการคัดกรองจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมาระดับหนึ่งแล้ว และการบัญญัติไว้ในกฎหมายที่ ครม. เสนอเข้ามาเป็นการให้ดาบแก่ภูมิภาค ที่จะสร้างความวุ่นวายสร้างความขัดแย้งให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ดังนั้นนโยบายเช่นนี้ไม่ใช่เป็นเรื่องของการกระจายอำนาจแต่เป็นการกระทำที่สวนทางกัน และเป็นการเปิดช่องทางให้กับผู้ที่ไม่หวังดี ผู้ที่แพ้การเลือกตั้ง คู่ขัดแย้ง อาจจะชักนำคนเพื่อมาถอดถอนได้ และหากมีการเลือกตั้งใหม่ก็จะเกิดความสิ้นเปลือง และประเด็นที่ให้อำนาจกับผู้ว่าราชการจังหวัดมากเกินไปในฐานะคณะกรรมการสอบสวน จะก่อให้เกิดปัญหามากยิ่งขึ้น อีกทั้งการคัดเลือกหรือแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน ควรคัดเลือกจากความรอบรู้เป็นกลางและโปร่งใส แต่การแก้ไขของ ครม. อาจเป็นการสร้างความแตกแยกและความวุ่นวายในท้องถิ่นในอนาคต จึงขอฝากไปยังผู้ที่เกี่ยวข้องให้ช่วยพิจารณาอย่างรอบคอบ และในชั้นของการแปรญัตตินั้น ตนจะต่อสู้ต่อไปเพื่อให้กฎหมายฉบับนี้เป็นประโยชน์ต่อท้องถิ่นมากที่สุด

download download Download all images download


  • การรับรายงานตัวสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร    download_icon

 แสดงทั้งหมด...
Untitled Document

สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร
ถนนประดิพัทธ์ แขวงพญาไท
เขตพญาไท กรุงเทพฯ 10400
โทร : 0 2244 2500
e-Mail : webmaster@parliament.go.th
จำนวนผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ในหน้า
ตั้งแต่วันที่ 24 มีนาคม 2562