นายซูการ์โน มะทา ประธานคณะ กมธ.การกระจายอำนาจ การปกครองส่วนท้องถิ่น และการบริหารราชการรูปแบบพิเศษ และคณะ แถลงข่าวกรณีที่คณะ กมธ. ได้รับเรื่องร้องเรียนจากนายกเทศมนตรีเมืองร้อยเอ็ด กรณีที่มีการแก้ไขระเบียบกระทรวงพาณิชย์ว่าด้วยการอนุญาตให้นำรถยนต์ใช้แล้วเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. 2562

วันพุธที่ 6 กรกฎาคม 2565 เวลา 12.55 นาฬิกา ณ จุดรับยื่นหนังสือ ชั้น 1 (โซนกลาง) อาคารรัฐสภา นายซูการ์โน มะทา ประธานคณะ กมธ.การกระจายอำนาจ การปกครองส่วนท้องถิ่น และการบริหารราชการรูปแบบพิเศษ และคณะ แถลงข่าวกรณีที่คณะ กมธ. ได้รับเรื่องร้องเรียนจากนายกเทศมนตรีเมืองร้อยเอ็ด กรณีที่มีการแก้ไขระเบียบกระทรวงพาณิชย์ว่าด้วยการอนุญาตให้นำรถยนต์ใช้แล้วเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. 2562 โดยกำหนดว่ารถยนต์ใช้แล้วต้องมีอายุการใช้งานไม่เกิน 5 ปี นับจากปีที่ผลิต ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อข้อผูกพันระหว่างสโมสรโรตารีร้อยเอ็ด สโมสรโรตารีอุบล และสโมสรโรตารี โซกะ ซิตี้ จากประเทศญี่ปุ่น ในการบริจาครถยนต์ดับเพลิงพร้อมบันไดสูง 40 เมตร วงเลี้ยวแคบ เนื่องจากรถยนต์ดับเพลิงที่ได้รับบริจาคนั้น มีอายุการใช้งานไม่ต่ำกว่า 15 ปี การเปลี่ยนแปลงระเบียบดังกล่าวจะทำให้ทศบาลเมืองร้อยเอ็ดไม่สามารถรับบริจาคได้ และยังได้รับผลกระทบ หากมี การดำเนินการผิดข้อผูกพันนอกจากนี้ หากมีการจัดซื้อ รถยนต์ดับเพลิงรุ่นดังกล่าว ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด จะต้องใช้งบประมาณสูงถึง 50 – 60 ล้านบาท อันจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีปัญหาด้านงบประมาณไม่เพียงพออยู่แล้ว และยังมีตัวอย่างของ จ.สุรินทร์ ที่ถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ป.ป.ช.) ตรวจสอบกรณีการจัดซื้อรถยนต์ดับเพลิง ทั้งนี้ คณะ กมธ. ได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาชี้แจงในประเด็นดังกล่าว โดยทั้ง 12 หน่วยงาน เห็นด้วยกับข้อสังเกตของคณะ กมธ. ในประเด็นต่าง ๆ เช่น การกำหนดให้มีเอกสารรับรองจากผู้บริจาค และมีการตรวจคุณภาพรถยนต์ใช้แล้วจากหน่วยงานในประเทศ อย่างไรก็ตาม คณะ กมธ. ได้พยายามเชิญรมว.พาณิชย์ มาเข้าร่วมการประชุมหลายครั้ง แต่ยังไม่ได้รับการตอบรับ จึงจะเดินทางไปพบ รัฐมนตรีฯที่กระทรวงเพื่อหาทางออกในประเด็นดังกล่าวโดยเร็ว และหากปล่อยให้เวลาล่วงเลยไปจะเกิดความเสียหายต่อเทศบาลเมืองร้อยเอ็ด รวมทั้ง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่น ๆ ที่มีความต้องการรับบริจาครถยนต์ใช้แล้วจากต่างประเทศเพื่อให้เจ้าหน้าที่ได้นำมาให้บริการสาธารณะด้านการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยให้กับประชาชนในพื้นที่ในอนาคต