นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล เลขานุการคณะ กมธ. การพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคก้าวไกล รับยื่นหนังสือจากกลุ่มประชาชนมวลชนอิสระ

วันพุธที่ 29 มิถุนายน 2565 เวลา 11.30 นาฬิกา ณ จุดรับยื่นหนังสือ ชั้น 1 (โซนกลาง) อาคารรัฐสภา นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล เลขานุการคณะ กมธ. การพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคก้าวไกล รับยื่นหนังสือจากกลุ่มประชาชนมวลชนอิสระ (กลุ่มทะลุแก๊ซ ทะลุแก๊ส พิทักษ์ราษฎร 14 ขุนพลคนของราษฎรพ่อบ้านทะลุแก๊ส ก็มาดิแก๊ส เพื่อนกัญปฏิวัติ) เรื่อง ขอความยุติธรรมให้กับนักโทษทางการเมืองและการดูแลรักษา พยาบาลนักโทษในเรือนจำ เนื่องด้วย คำสั่งศาลไม่ให้ประกัน ผู้ชุมนุมในคดีทะลุแก๊ส 14 คน ม็อบเมื่อวันที่ 11 , 14, 15 มิ.ย. 65 อ้างเหตุ หากประกันอาจหลบหนี ซึ่งการออกมาชุมนุมเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนในประเทศประชาธิปไตย ผู้ต้องขังทะลุแก๊สส่วนใหญ่นั้นได้เข้ามอบตัวเพื่อรับทราบข้อกล่าวหาด้วยตัวเอง เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ว่าไม่ได้กระทำผิดตามข้อกล่าวหาและไม่หลบหนีรวมทั้งสิ้นจำนวน 14 ราย กระบวนการจับกุมและการฝากขังอย่างไม่เป็นธรรมนั้นส่งผลกระทบต่อจิตใจของผู้ต้องขังอย่างยิ่ง ผู้ที่ถูกจับกุมบางรายเจ้าหน้าที่นั้นไม่ได้แสดงหมายจับก่อน แต่ใช้พฤติการณ์จับกุมผู้ต้องหาโดยไม่แจ้งข้อกล่าวหาให้ทราบ อันเป็นสิทธิที่ผู้ถูกกล่าวหาพึ่งมี รวมทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่นำผู้ต้องหาไปยังสถานีตำรวจตามหมายที่ออก แต่กลับนำผู้ต้องหาไปฝากขังไว้ที่สโมสรตำรวจ ก่อนจะถูกส่งตัวไปยัง เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เจ้าหน้าที่ตำรวจบางรายมีพฤติกรรมขัดขวางไม่ให้ทนายหรือผู้ไว้วางใจเข้าพบกับผู้ต้องหา ซึ่งตั้งข้อสงสัยว่าระหว่างการควบคุมตัว ได้มีการข่มขู่หรือทำร้ายร่างกายให้ผู้ต้องหารับข้อกล่าวหาหรือไม่สืบเนื่องจากวันที่ 27 มิ.ย. 65อธิบดีราชทัณฑ์ แถลงการณ์เรื่องผู้ต้องขังทะลุแก๊สกินยาพาราเซตามอลเกินขนาด แต่ทว่าทางทนายสิทธิมนุษยชนกลับได้แจ้งว่า ผู้ต้องขังทะลุแก๊สจำนวน 3 รายได้ทำร้ายตัวเองในเรือนจำตั้งแต่วันศุกร์ที่ 24 มิ.ย. 65 แต่กรมราชทัณฑ์ไม่แถลงการณ์ใด ๆ เบื้องต้นผู้ต้องขังหนึ่งรายกินพาราเซตามอลจำนวน 60 เม็ด และได้รับการดูแลจากโรงพยาบาลราชทัณฑ์แล้ว แต่ยังมีผู้ต้องขังทะลุแก็สอีก 2 รายได้ทำร้ายตัวเองโดยการกรีดข้อมือ กลับไม่มีประวัติการรักษาจากโรงพยาบาลราชทัณฑ์กลุ่มมวลชนอิสระ จึงขอให้ กมธ. ตรวจสอบการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ รวมไปถึงโรงพยาบาลราชทัณฑ์ในเรื่องของการดูแลเอาใจใส่ผู้ต้องหาทั้งสุขภาพจิตใจ และสุขภาพกาย เพื่อให้ผู้ต้องหาได้รับสิทธิขั้นพื้นฐานตามสิทธิมนุษยชนที่พึงมี ทั้งนี้ขอให้ กมธ.รีบดำเนินการโดยเร่งด่วนในการตรวจสอบปัญหาต่าง ๆ ทั้งนี้ ทางกลุ่มฯ ต้องการสิทธิการเยี่ยมผู้ต้องขัง โดยจะขอให้ให้เพื่อนที่ไม่ใช่ญาติเข้าไปเยี่ยมผู้ต้องขังในฐานะเพื่อนแทนญาติที่มาไม่ได้ รวมทั้งขอเรียกร้องสิทธิความเป็นอยู่ในเรือนจำ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสุขอนามัย การเข้าถึงการรักษา พยาบาล และอยากให้กรมราชทัณฑ์ปรับปรุงระบบการเรียกเจ้าหน้าที่เพื่อแจ้งเหตุการเจ็บป่วย ตลอดจนสิทธิการประกันตัวผู้ต้องขังนางอมรัตน์ กล่าวภายหลังการรับยื่นหนังสือว่า จะนำเรื่องดังกล่าวเข้าหารือที่ประชุมคณะ กมธ.