 |
|
|
 |
|
ห้องข่าว >> ภาพข่าว >> ภาพข่าวสภาผู้แทนราษฎร  |
นายประเสริฐพงษ์ ศรนุวัตร์ กมธ.วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ. การเข้าชื่อเสนอข้อบัญญัติท้องถิ่น พ.ศ. .... พร้อมด้วย นายบรรณ แก้วฉ่ำ โฆษกคณะ กมธ.และคณะผู้บริหารท้องถิ่น แถลงข่าว ๏ฟฝัน๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ 23 ๏ฟฝ๏ฟฝ.๏ฟฝ. 2565 |
|
|
|
| วันพฤหัสบดีที่ 23 มิถุนายน 2565 เวลา 13.00 นาฬิกา ณ จุดรับยื่นหนังสือ ชั้น 1 (โซนกลาง) อาคารรัฐสภา นายประเสริฐพงษ์ ศรนุวัตร์ กมธ.วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ. การเข้าชื่อเสนอข้อบัญญัติท้องถิ่น พ.ศ. .... พร้อมด้วย นายบรรณ แก้วฉ่ำ โฆษกคณะ กมธ. และคณะผู้บริหารท้องถิ่น แถลงข่าวแสดงจุดยืนว่าไม่เห็นด้วยกับร่าง พ.ร.บ.การเข้าชื่อเสนอข้อบัญญัติท้องถิ่น พ.ศ. .... ที่คณะ กมธ.พิจารณาแล้วเสร็จในวันนี้ (23 มิ.ย. 65) ก่อนจะเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎรต่อไปนั้น เนื่องจากยังมีข้อกังวลเกี่ยวกับบทบัญญัติที่คณะ กมธ.ไม่ได้แก้ไขปรับปรุงตามข้อเสนอของ กมธ.จากพรรคก้าวไกล และข้อเสนอจากสมาคมขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเกือบทุกสมาคม โดยขอเรียกร้องให้ ส.ส.จากทุกพรรคการเมืองช่วยกันพิจารณาทบทวนร่าง พ.ร.บ.ฉบับดังกล่าว ในประเด็นดังต่อไปนี้ 1. ยังคงมีบทบัญญัติให้ผู้กำกับดูแลใช้อำนาจบังคับบัญชาสมาชิกสภาท้องถิ่นและผู้บริหารท้องถิ่น โดยการตั้งกรรมการสอบสอบ สั่งแขวนระหว่างพิจารณาและสั่งให้พ้นจากตำแหน่งได้ เนื่องจากร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้เป็นเรื่องการมีส่วนร่วมของประชาชน มิใช่กฎหมายเกี่ยวกับการกำกับดูแล ดังนั้น เรื่องการกำกับดูแลจะต้องไปบัญญัติไว้ในกฎหมายจัดตั้ง 2. ปัญหาการตั้งกรรมการสอบสวนที่ซ้ำซ้อน กับบทบัญญัติของกฎหมายจัดตั้งที่มีอยู่แล้ว ซึ่งได้ให้อำนาจผู้ว่าราชการจังหวัด และนายอำเภอ มีอำนาจสอบสวนสมาชิกสภาท้องถิ่น และผู้บริหารท้องถิ่นอยู่แล้ว การบัญญัติกฎหมายขึ้นมาซ้ำซ้อน จะก่อให้เกิดปัญหาแก่ผู้ที่นำไปปฏิบัติ3. เหตุแห่งการตั้งกรรมการสอบสวน ไม่เปิดโอกาสให้ผู้กำกับดูแลใช้ดุลยพินิจว่าเข้าเหตุอันควรตั้งกรรมการสอบสวนหรือไม่ แต่บังคับให้ผู้กำกับดูแลต้องตั้งคณะกรรมการสอบสวน โดยตามร่างมาตรา 8 ให้นำมาตรา 7 มาใช้ แต่ในการพิจารณาตั้งคณะกรรมการสอบสวนไม่ได้ให้อำนาจผู้กำกับดูแลสามารถวินิจฉัยว่าเข้าเหตุอันควรตั้งคณะกรรมการสอบสวนหรือไม่ เมื่อร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้มีผลใช้บังคับ บทบัญญัติดังกล่าวจะถูกนำไปใช้เป็นเครื่องมือกลั่นแกล้งทางการเมือง 4. ไม่มีบทบัญญัติว่าด้วยวิธีการลงคะแนนโดยลับอันเป็นสาระสำคัญของร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ โดยมีการกำหนดให้สามารถเปิดเผยรายชื่อผู้ที่เข้าชื่อถอดถอนได้ และให้ผู้ถูกถอดถอนพ้นจากตำแหน่งทันที ซึ่งจะก่อให้เกิดความแตกแยกของประชาชนในท้องถิ่น และทำให้ประชาชนเกิดความไม่มั่นใจต่อความปลอดภัย ตลอดจนยังง่ายต่อการใช้เป็นเครื่องมือโจมตีทางการเมือง นอกจากนี้การเพิ่มเติมกระบวนการดังกล่าวเข้ามาในร่างกฎหมายที่กระทำในชั้นคณะ กมธ. นั้น ยังไม่ได้เป็นการขัดหรือแย้งต่อบทบัญญัติในมาตรา 245 ของรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 หรือนอกเหนือไปจากหลักการที่สภาผู้แทนราษฎรมีมติเห็นชอบแต่อย่างใด ดังนั้น ในนาม กมธ.เสียงข้างน้อยจึงขอเรียกร้องให้ ส.ส.จากทุกพรรคการเมืองช่วยกันพิจารณาทบทวนร่าง พ.ร.บ.ฉบับดังกล่าวอีกครั้ง ในการพิจารณาวาระ 2 และ 3 เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาข้างต้นในอนาคต |
 |
 |
 |
 |
|