วันอังคารที่ 5 เมษายน 2565 เวลา 11.25 นาฬิกา ณ จุดรับหนังสือ ชั้น 1 (โซนกลาง) อาคารรัฐสภา นายพัฒนา สัพโส รองประธานคณะกมธ. การกระจายอำนาจ การปกครองส่วนท้องถิ่น และการบริหารราชการรูปแบบพิเศษ คนที่สอง พร้อมด้วย นายนพดล แก้วสุพัฒน์ ส.ส.พรรคพลังท้องถิ่นไท รับยื่นหนังสือจากนายบุญชู จันทร์สุวรรณ นายกสมาคมองค์การบริหารส่วนจังหวัดแห่งประเทศไทยและคณะ

สืบเนื่องจากปัญหาการถ่ายโอนโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ซึ่งตามแผนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำหนดให้สถานีอนามัย และ รพ.สต.กำหนดให้ถ่ายโอนมายังองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตั้งแต่ พ.ศ.2551 นับถึงปัจจุบันผ่านมาแล้วเป็นเวลา 14 ปี จนกระทั่งคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (ก.ก.ถ.) ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อ 19 ตุลาคม 2564 ให้ถ่ายโอนภารกิจดังกล่าวให้แก่ องค์กรบริหารส่วนจังหวัด หลักการ "ภารกิจไป ตำแหน่งไป งบประมาณไป บุคลากรสมัครใจ” โดยเริ่มตั้งแต่ปีงบประมาณ 2556 เป็นต้นไป และใน ปี 2566 มี อบจ.ประสงค์รับการถ่ายโอน 49 แห่ง มี รพ.สต.ขอถ่ายโอน 3,384 แห่ง (จาก 9,878 แห่งทั่วประเทศ) มีบุคลากรสมัครใจโอนไปสังกัด อบจ. 22.265 คน แต่ปรากฎว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 15 มี.ค.65 สำนักงบประมาณไม่ดำเนินการตามประกาศ ก.ก.ถ. ดังกล่าว กลับใช้ดุลยพินิจ เสนอกรอบการจัดทำงบประมาณ ปี 2566 ต่อ ครม.กำหนดให้ มี รพ.สต. ที่ผ่านการพิจารณา เพียง 512 แห่ง จาก 3,384 แห่งที่ขอถ่ายโอน และกำหนดกรอบให้มีบุคลากรที่เป็นข้าราชการถ่ายโอนได้เพียง 2,915 คน จากจำนวน 22,265 คน ซึ่งไม่เป็นไปตามประกาศ ก.ก.ถ. ที่มีสภาพบังคับตามความในมาตรา 33 แห่ง พ.ร.บ.กำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจฯ ให้ทุกหน่วยงานต้องปฏิบัติตาม และเกิดปัญหากระทบต่อการถ่ายโอนภารกิจ รพ.สต.สู่ อบจ.ทั่วประเทศ นอกจากนั้น เงินงบประมาณ ปี 2566 ที่สำนักงบประมาณจัดสรรให้กับ รพ.สต.ที่ถ่ายโอน 512 แห่ง ยังลดยอดวงเงิน ไม่เป็นไปตามประกาศ ก.ก.ถ. กล่าวคือ กรณี รพ.สต.ขนาดเล็ก กำหนดให้จัดสรรงบประมาณ 1,000,000 บาทต่อปี แต่สำนักงบประมาณกำหนดให้เพียง 400,000 บาท กรณี รพ.สต.ขนาดกลาง ที่กำหนดให้จัดสรร 1,500,000 บาทต่อปี สำนักงบประมาณกำหนดให้เพียง 650,000 บาท กรณี รพ.สต. ขนาดใหญ่ ที่กำหนดให้จัดสรร 2,000,000บาท สำนักงบประมาณ กำหนดให้เพียง 1,000,000 บาทและได้มีการโยกจากเงินอุดหนุนการดำเนินงานตามอำนาจหน้าที่ของ อบจ.ที่เคยได้รับมาแล้วทุกปีมาตั้งแทน จึงมีข้อเรียกร้องดังนี้
1.เรื่องการถ่ายโอนภารกิจ กฎหมายบัญญัติให้เป็นอำนาจหน้าที่เฉพาะของ ก.ก.ถ. เช่น อำนาจที่จะพิจารณาว่า ควรถ่ายโอนภารกิจหรือไม่เพียงใด
โอนไปยังหน่วยงานใด แต่กลับมีหน่วยงานอื่นเช่น สำนักงบประมาณ เข้ามาใช้ดุลยพินิจแทนซึ่งเป็นหน่วยงานที่ไม่มีกฎหมายให้อำนาจไว้ จึงขอเรียกร้องให้ ครม.สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องปฏิบัติตามกฎหมาย
2.ขอให้ ครม.ทบทวนมติเกี่ยวกับการจัดสรรงบประมาณ ที่เกิดจากการใช้ดุลยพินิจกำหนดกรอบวงเงินและหลักเกณฑ์ในการถ่ายโอน ของหน่วยงานที่ไม่มีอำนาจหน้าที่ดังกล่าว โดยขอให้ ครม.จัดสรรงบประมาณให้เป็นไป ตามแนวทางประกาศ ก.ก.ถ. ที่ได้ลงประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อ 19 ตุลาคม 2564
 
นายพัฒนา สัพโส กล่าวภายหลังรับยื่นหนังสือว่า ขอให้รัฐบาลหรือผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเร่งหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว รวมถึงสำนักงบประมาณจะต้องออกมาชี้แจงในรายละเอียดข้อเท็จจริง เพื่อให้ความเป็นธรรม และขอให้ประชาชนติดตามเรื่องนี้ เพื่อกระตุ้นให้รัฐบาลออกมาหาแนวทางแก้ไข โดยตนจะนำเรื่องร้องเรียนเข้าสู่ที่ประชุมคณะ กมธ. เพื่อพิจารณาโดยเร็วที่สุด