 |
|
|
 |
|
|
ห้องข่าว >> ภาพข่าว >> ภาพข่าวสภาผู้แทนราษฎร  |
นายธีรัจชัย พันธุมาศ โฆษกคณะ กมธ. การป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ รับยื่นหนังสือจาก นายพัฒนพร ชินประดิษฐ ผู้ร้องเรียน และคณะ เพื่อร้องทุกข์อันเนื่องมาจากการได้รับความเดือดร้อนเสียหายจากการที่กรมทางหลวงชนบท กระทรวงคมนาคม ตัดถนนรุกล้ำที่ดินกรรมสิทธิ์ของประชาชนในพื้นที่ จ.สุพรรณบุรี โดยไม่ออกกฎหมายเวนคืน ๏ฟฝัน๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ 30 ๏ฟฝ๏ฟฝ.๏ฟฝ. 2565 |
|
|
วันพุธที่ 30 มีนาคม 2565 เวลา 14.10 นาฬิกา ณ จุดรับยื่นหนังสือ ชั้น 1 (โซนกลาง) อาคารรัฐสภา นายธีรัจชัย พันธุมาศ โฆษกคณะ กมธ. การป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ รับยื่นหนังสือจาก นายพัฒนพร ชินประดิษฐ ผู้ร้องเรียน และคณะ เพื่อร้องทุกข์อันเนื่องมาจากการได้รับความเดือดร้อนเสียหายจากการที่กรมทางหลวงชนบท กระทรวงคมนาคม ตัดถนนรุกล้ำที่ดินกรรมสิทธิ์ของประชาชนในพื้นที่ จ.สุพรรณบุรี โดยไม่ออกกฎหมายเวนคืน สืบเนื่องจากกรมทางหลวงชนบท สำนักงานทางหลวงชนบทที่ 18 (สุพรรณบุรี)ดำเนินงานก่อสร้างถนนลาดยางแบบ ASPHALT CONCRETE สาย สพ.3087 แยก ทล.322 - บึงบ้านโพธิ์ อ.เมืองสุพรรณบุรี จ.สุพรรณบุรี ระยะทาง 7.431 กิโลเมตร โดยไม่แจ้งตน ซึ่งเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์โฉนดที่ดินเลขที่ 33240 หมายเลขระวาง 5038///1606-00(4000) เลขที่ดิน 49 หน้าสำรวจ 811 ต.บ้านโพธิ์ อ.เมืองสุพรรณบุรี จ.สุพรรณบุรี โดยระหว่างกำลังดำเนินการก่อสร้าง ตนได้แจ้งผู้ควบคุมงานและผู้ดำเนินงานก่อสร้างถนนสายนี้ว่ากำลังก่อสร้างถนนรุกล้ำเข้ามาในที่ดินกรรมสิทธิ์ของตนเป็นบริเวณกว้าง ประกอบกับมีการขุดดินออกไปเป็นจำนวนมาก ทำให้ได้รับความเสียหายในทรัพย์สิน จึงได้แจ้งความกับเจ้าพนักงานตำรวจสถานีตำรวจภูธรเมืองสุพรรณบุรี จ.สุพรรณบุรี และประสงค์จะดำเนินคดีบุกรุกที่ดินและทำความเสียหายกับทรัพย์สินตามกฎหมายกับกรมทางหลวงชนบท ซึ่งเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบในโครงการนี้ เนื่องจากไม่รายงานต่อกระทรวงคมนาคมซึ่งเป็นต้นสังกัด ให้รัฐบาลออกกฎหมายพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน เพื่อให้อำนาจเจ้าหน้าที่ทำการสำรวจพื้นที่ก่อนการออกแบบ ตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยการเวนคืนและการได้มาซึ่งอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. 2562 เพื่อเปลี่ยนสถานะให้กลายเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินประเภททางหลวงตามกฎหมาย แต่กลับละเว้นไม่ปฏิบัติ ปล่อยปละละเลยและส่อทุจริต ซึ่งถ้าได้รับการตรวจสอบเพิ่มเติมคาดว่าจะมีผู้เสียหายรายอื่น อีกเป็นจำนวนมาก จึงขอให้คณะ กมธ. ช่วยตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อให้เกิดความเป็นธรรม |
 |
 |
 |
 |
|