นายณัฏฐ์ชนน ศรีก่อเกื้อ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคภูมิใจไทย แถลงข่าวยืนยันสมาชิกพรรคภูมิใจไทย พร้อมปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่ในสภาผู้แทนราษฎร และขอเรียกร้องให้มาดามเดียร์รู้จักสถานะและหน้าที่ของตนเอง

จากเหตุการณ์ประชุมสภาผู้แทนราษฎรล่มเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากองค์ประชุมไม่ครบ พรรคภูมิใจไทยต้องกราบขออภัยพี่น้องประชาชน เนื่องจากมีสมาชิกพรรคภูมิใจไทยติดเชื้อโควิดจำนวน 9 คน และเป็นกลุ่มเสี่ยงอีกหลายคน จึงทำให้ขาดการประชุมสภา ขณะนี้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคภูมิใจไทย มีจำนวน 59 คน หยุดปฏิบัติหน้าที่จำนวน 3 คน ซึ่งในการประชุมสภา ในวันนี้ (9 ก.พ. 65) สมาชิกพรรคภูมิใจไทยได้กลับมาปฎิบัติหน้าที่ได้กลับมาทำหน้าที่ตามปกติแล้ว พร้อมทำหน้าที่ในสภาอย่างเต็มที่ ขอให้ประชาชนมั่นใจการทำหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติของสมาชิกพรรคภูมิใจไทย ต่อกรณีที่ น.ส.วทันยา โอภาสี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคพลังประชารัฐ หรือ มาดามเดียร์ ได้กดดันและขอให้รัฐมนตรีที่บอยคอตการประชุมคณะรัฐมนตรีพิจารณาตัวเองว่าควรร่วมรัฐบาลหรือไม่ นั้นตำแหน่งมาดาม หมายถึงคุณผู้หญิงหรือนายหญิง ในประเทศที่เรียกผู้หญิงตำแหน่งนี้ คือให้เกียรติผู้หญิง และไม่กี่คนในวงการเมืองที่ประชาชนให้เกียรติเรียกมาดาม ดังนั้นผู้ที่ได้รับเกียรตินี้ต้องให้เกียรติตัวเอง และระมัดระวังคำพูดด้วย ตนขอเตือนมาดามเดียร์ในฐานะเพื่อนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล และในฐานะกัลยาณมิตรว่าโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว เป็นเรื่องของฝ่ายบริหาร คณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ไม่ใช่หน้าที่ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เมื่อเป็นหน้าที่ของฝ่ายบริหาร ฝ่ายนิติบัญญัติไม่ควรวิพากษ์วิจารณ์ เมื่อใดที่เรื่องดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร มาดามเดียร์ ซึ่งอยู่ในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สามารถวิพากษ์วิจารณ์ได้ เมื่อถึงเวลานั้นฝ่ายนิติบัญญัติสามารถแสดงความคิดเห็นได้ เพราะเป็นเวทีของตนเอง เพราะฉะนั้น ส.ส. ต้องรู้จักสถานะ หน้าที่ของตนเอง และเวทีของตน ทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด และปล่อยให้หน้าที่การบริหารเป็นของฝ่ายบริหาร หากส.ส. 500 คน 500 เขต ออกมาวิพากษ์วิจารณ์การทำหน้าที่ของฝ่ายบริหาร บ้านเมืองก็จะวุ่นวาย ดังนั้นเราต้องรู้จักตัวเอง รู้จักหน้าที่ของตนเอง ส.ส.ในฐานะผู้ปฏิบัติหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติก็ต้องทำหน้าที่ของตนเองในการออกกฎหมาย ส่วนหน้าที่การบริหารปล่อยให้หน้าที่ของฝ่ายบริหาร ของคณะรัฐมนตรีไป