โดยปัจจุบันได้มีการเร่งรัดถ่ายโอน รพ.สต. ของกระทรวงสาธารณสุข ที่ยื่นความจำนง จำนวน 3,036 แห่ง ให้กับ อบจ. จำนวน 49 แห่ง ที่มีความพร้อมในการรับถ่ายโอน โดยมีการกำหนดเกณฑ์ของ อบจ. แบ่งออกเป็น 3 ระดับ คือ 1) ระดับดี ให้ถ่ายโอน รพ.สต. อย่างน้อย 1 แห่ง 2) ระดับดีมาก ให้ถ่ายโอน รพ.สต.อย่างน้อยอำเภอละ 2 แห่ง และ 3) ระดับดีเลิศ ให้ถ่ายโอน รพ.สต. ทุกแห่งที่แจ้งความจำนง โดยให้ รพ.สต. ที่ไม่ต้องการถ่ายโอน แจ้งความจำนงภายในวันที่ 7 ธ.ค. 64 เพื่อให้ทันต่อการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2566 ด้วยเหตุผลว่า หากไม่ดำเนินการถ่ายโอน รพ.สต. ไปอยู่กับ อบจ. จะถือว่าเป็นการละเว้นการปฏิบัติตาม พ.ร.บ.กำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจสู่องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2542 อาจเข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157

ทั้งนี้ พ.ร.บ.ดังกล่าว มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 18 พ.ย. 42 นับถึงปัจจุบันรวมเป็นเวลา 22 ปีเศษแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้มีการถ่ายโอน รพ.สต. ให้แก่องค์การปกครองส่วนท้องถิ่นแต่อย่างใด จึงเห็นได้ว่าปัญหาที่เกิดขึ้น ไม่ใช่กรณีละเลยไม่ปฏิบัติตามกฎหมายที่ออกมา แต่ในทางกลับกัน อาจเป็นเพราะการถ่ายโอน รพ.สต.ให้ อบจ. หรือองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นอื่น จนทำให้เกิดผลกระทบในวงกว้าง
จึงขอให้คณะ กมธ. พิจารณาทบทวนการถ่ายโอนสถานีอนามัยเฉลิมพระเกียรติฯ และ รพ.สต. ไปยัง อบจ. พร้อมทั้งศึกษาผลกระทบที่เกิดขึ้นอย่างรอบด้านเพื่อพี่น้องประชาชนคนไทย

ด้านนายบัญญัติ เจตนจันทร์ กล่าวภายหลังรับหนังสือว่า มีความห่วงใยในเรื่องดังกล่าวที่ส่งผลกระทบต่อประชาชน และจะนำเรื่องเข้าสู่การพิจารณาของคณะ กมธ. เพื่อหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาต่อไป