 |
|
|
 |
|
|
ห้องข่าว >> ภาพข่าว >> ภาพข่าวสภาผู้แทนราษฎร  |
นายมนูญ สิวาภิรมย์รัตน์ ประธานคณะ กมธ.ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ และคณะ แถลงข่าวเกี่ยวกับการบริหารจัดการแรงงานข้ามชาติกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจตามแนวชายแดน ๏ฟฝัน๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ 1 ๏ฟฝ.๏ฟฝ. 2564 |
|
|
|
|
|
วันพุธที่ 1 ธันวาคม 2564 เวลา 14.00 นาฬิกา ณ ห้องแถลงข่าว ชั้น 1 อาคารรัฐสภา นายมนูญ สิวาภิรมย์รัตน์ ประธานคณะ กมธ.ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ และคณะ แถลงข่าวเกี่ยวกับการบริหารจัดการแรงงานข้ามชาติกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจตามแนวชายแดน เนื่องจากที่ผ่านมาในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ได้มีการปิดด่านพรมแดนเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรค ทำให้เกิดปัญหาการลักลอบนำเข้าแรงงานข้ามชาติ ซึ่งส่งผลกระทบต่อความมั่นคงและการควบคุมโรคของประเทศ โดยคณะ กมธ. ได้รับหนังสือจากสมาคมการค้าพัฒนาแรงงาน เรื่องความต้องการแรงงานข้ามชาติ ดังนั้น เพื่อเป็นการร่วมกันแก้ไขปัญหาแรงงานของทุกภาคส่วนอย่างบูรณาการและเป็นระบบ รวมทั้งเป็นการบริหารจัดการการนำเข้าแรงงานข้ามชาติให้มีประสิทธิภาพและปลอดภัย คณะ กมธ. จึงได้เชิญผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงมหาดไทย กรมการจัดหางาน กรมควบคุมโรค สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสมาคมการค้าพัฒนาแรงงาน เข้าร่วมประชุมในเรื่องดังกล่าว เมื่อวันที่ 25 พ.ย. 64 ทั้งนี้ หลังจากการรับฟังข้อมูล ข้อเท็จจริงจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว ทำให้ทราบปัญหาเรื่องของต้นทุนในการนำเข้าแรงงาน และยังพบปัญหาความล่าช้าในการดำเนินการนำแรงงานต่างด้าวมาทำงานกับนายจ้าง ตามกระบวนการที่ได้ทำบันทึกความเข้าใจ (MOU) ที่ใช้ระยะเวลามากกว่า 45 วัน ซึ่งยาวนาน ไม่ทันต่อความต้องการ และยังเป็นการเพิ่มต้นทุนให้กับผู้ประกอบการที่ต้องดูแลแรงงานในช่วงที่รอใบอนุญาต ทั้งนี้ ที่ประชุมได้มีความเห็นร่วมกันต่อประเด็นดังกล่าว ดังนี้ 1. ควรปรับเปลี่ยนกระบวนการนำเข้าแรงงานข้ามชาติตาม MOU โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการการทำงานร่วมกันและควรนำเทคโนโลยีต่าง ๆ เข้ามาใช้ในการบริหารจัดการข้อมูลต่าง ๆ ในลักษณะ One Stop Service เพื่อลดระยะเวลาการดำเนินการให้สั้นลง 2. รัฐบาลควรมีการผ่อนปรนเกี่ยวกับมาตรการการนำเข้าแรงงานข้ามชาติโดยใช้มาตรการเดียวกับนักท่องเที่ยว เช่น การฉีดวัคซีนจากประเทศต้นทาง การลดระยะเวลาการกักตัว โดยหากมีการกักตัวอาจพิจารณาใช้สถานประกอบการ หรือขอความร่วมมือจากภาคเอกชน เป็นต้น 3. การแก้ปัญหาขาดแคลนแรงงานโดยพิจารณาให้ผู้ที่หนีภัยจากการสู้รบจากประเทศเมียนมาซึ่งอาศัยอยู่ในพื้นที่พักพิงชั่วคราวผู้หนีภัยการสู้รบ 9 แห่ง ในพื้นที่ 4 จังหวัด ได้แก่ แม่ฮ่องสอน ตาก กาญจนบุรี และราชบุรี จำนวนประมาณ 78,000 คน เข้าสู่ระบบแรงงาน อันเป็นการลดภาระของประเทศในการดูแลกลุ่มบุคคลดังกล่าวด้วยอีกทางหนึ่ง ซึ่งในประเด็นนี้ถือเป็นวาระสำคัญที่คณะ กมธ. พยายามผลักดัน และจะเสนอเข้าสู่สภาความมั่นคงแห่งชาติต่อไป ในการนี้ คณะ กมธ. จะนำส่งข้อเสนอดังกล่าวไปยังนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพื่อพิจารณาและเสนอต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืนภายใต้ผลประโยชน์และความมั่นคงของประเทศต่อไป |
 |
 |
 |
 |
|