FONTSIZE
ห้องข่าว >> ภาพข่าว >> ภาพข่าวสภาผู้แทนราษฎร
นายธีรัจชัย พันธุมาศ โฆษกคณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ แถลงข่าวความคืบหน้าการพิจารณาเรื่องร้องเรียนของนายอนุรักษ์ เจนตวนิชย์ ที่ได้ร้องเรียนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจกรณีทำร้ายร่างกายนักศึกษาในเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร

๏ฟฝัน๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ 16 ๏ฟฝ.๏ฟฝ. 2564

วันพฤหัสบดีที่ 16 กันยายน 2564 เวลา 14.15 นาฬิกา ณ ห้องแถลงข่าว ชั้น 1 อาคารรัฐสภา นายธีรัจชัย  พันธุมาศ โฆษกคณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ แถลงข่าวความคืบหน้าการพิจารณาเรื่องร้องเรียนของนายอนุรักษ์ เจนตวนิชย์  ที่ได้ร้องเรียนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจกรณี   ทำร้ายร่างกายนักศึกษาในเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร และกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจากสถานีตำรวจนครบาลชนะสงคราม นำหมายจับพร้อมหนังสืออายัดของพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรพระนครศรีอยุธยา และสถานีตำรวจภูธรเมืองอุบลราชธานี ไปขอรับตัวนายพริษฎ์ ซีวารักษ์ และนายภานุพงศ์ จาดนอก ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร เพื่อขอรับตัวไปดำเนินคดีเป็นไปโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย โดยได้ยื่นเรื่องต่อ คณะ กมธ. เมื่อวันที่ 30 ต.ค. 63  ซึ่งผู้แทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้มาชี้แจงต่อคณะ กมธ. ยืนยันว่า การอายัดตัว นายพริษฎ์ และนายภานุพงศ์ พร้อมหมายจับที่พนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหาไปแล้ว ได้กระทำความถูกต้องตามกฎหมายและการแจ้งข้อกล่าวหา ไม่ถือว่า เป็นการจับกุมผู้ต้องหา ซึ่งคณะ กมธ. ได้ร่วมกันพิจารณาแล้ว มีมติเห็นว่า การที่พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรพระนครศรีอยุธยา และพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรเมืองอุบลราชธานี ได้แจ้งข้อกล่าวหาบุคคลทั้ง 2 พร้อมกับแสดงหมายจับศาลที่กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน ภาค 1 นั้น เป็นไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา และคำพิพากษาฎีกาที่ 479/2555 และ คำพิพากษาฎีกาที่ 2006/2521 ซึ่งต้องถือว่า หมายจับที่ศาลออกให้ดังกล่าวได้สิ้นผลโดยกฎหมายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ไม่อาจนำเอาหมายจับศาลที่สิ้นผลไปแล้วไปขออายัดตัวบุคคลทั้ง 2 ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครได้อีก หากพนักงานสอบสวนมีความประสงค์ที่จะนำตัวบุคคลทั้ง 2 ไปดำเนินคดีอีก จะต้องไปยื่นคำร้องต่อศาลที่มีเขตอำนาจเพื่อให้ศาลออกหมายจับบุคคลทั้ง 2 อีกครั้งหนึ่ง ดังนั้น การที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 6821/2549 และ 8458/2551 นั้น เป็นกรณีที่พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหาผู้ต้องหาโดยที่ศาลยังไม่มีการออกหมายจับผู้ต้องหาคนดังกล่าว ซึ่งไม่ตรงกันกับข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในคดีนี้ จึงไม่อาจนำมาอ้างในคดีนี้ได้ ส่วนกรณีที่ข้อเท็จจริงปรากฏว่าบุคคลทั้ง 2 ราย ได้รับบาดเจ็บจากการที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจทำร้าย จากการตรวจสอบยังไม่ปรากฎข้อเท็จจริงว่ามีการทำร้ายร่างกาย คณะ กมธ. จึงมีมติว่า การปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่รับผิดชอบไม่ปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปกฎหมายที่ว่าด้วยเรื่องการจับผู้ต้องหา โดยเกิดจากการกระทำโดยประมาทของเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบโดยไม่ตรวจสอบข้อกฎหมายและแนวคำพิพากษาฎีกาที่เกี่ยวข้องให้รอบคอบ แต่ไม่มีเจตนาที่จะกลั่นแกล้งบุคคลทั้ง 2 ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา แต่ต้องถือว่า เป็นการปฏิบัติหน้าที่บกพร่อง ตามพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2547 ตามมาตรา 78 (1) ฐาน กระทำความผิดวินัยไม่ร้ายแรงที่บัญญัติว่า ข้าราชการตำรวจต้องปฏิบัติหน้าที่ราชการให้เป็นไปตามกฎหมาย กฎ ระเบียบของและนโยบายของรัฐบาลโดยไม่ให้เสียหายแก่ราชการ ในการนี้ คณะ กมธ. จึงได้มีข้อเสนอแนะให้มีการแก้ไขระเบียบปฏิบัติที่เกี่ยวข้องไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกรมราชทัณฑ์ ซึ่งเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบ ให้มีความถูกต้องตามข้อกฎหมายและระเบียบต่อไป
download download Download all images download


  • การรับรายงานตัวสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร    download_icon

 แสดงทั้งหมด...
Untitled Document

สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร
ถนนประดิพัทธ์ แขวงพญาไท
เขตพญาไท กรุงเทพฯ 10400
โทร : 0 2244 2500
e-Mail : webmaster@parliament.go.th
จำนวนผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ในหน้า
ตั้งแต่วันที่ 24 มีนาคม 2562