นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ และน.ส.ธีรรัตน์ สาเร็จวาณิชย์ โฆษกคณะ กมธ.วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 แถลงข่าวเกี่ยวกับผลการประชุมของคณะ กมธ.

วันศุกร์ที่ 6 สิงหาคม 2564 เวลา 13.30 นาฬิกา ณ จุดให้สัมภาษณ์ ชั้น 1 อาคารรัฐสภา นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ และ น.ส.ธีรรัตน์ สาเร็จวาณิชย์ โฆษกคณะ กมธ.วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 แถลงข่าวเกี่ยวกับผลการประชุมของคณะ กมธ. ว่า ในวันนี้เป็นการประชุม ครั้งที่ 37 และเป็นการประชุมครั้งสุดท้าย โดยหลังจากที่คณะ กมธ. ได้พิจารณางบประมาณในภาพรวมทั้งหมดแล้ว มีข้อสังเกตว่า เนื่องจากในปีนี้การจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลลดลงอย่างมาก ตามสภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำอันเนื่องมาจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้รัฐบาลเสนอกรอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 จำนวน 3,100,000 ล้านบาท ซึ่งลดลงจากวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 ถึง 185,962 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 5.66 ทำให้ในปีนี้ รัฐบาลได้ตั้งงบประมาณ “แบบขาดดุล” รวมทั้งมีการกู้เงินชดเชยการขาดดุลสูงถึง 700,000 ล้านบาท ซึ่งสูงที่สุดที่สามารถขาดดุลได้ตาม พ.ร.บ.การบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. 2548 ทำให้แทบทุกหน่วยงานถูกปรับลดงบประมาณลง ทั้งนี้ คณะ กมธ. ได้ให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เป็นอันดับแรก เพราะเป็นความเดือดร้อนของประชาชนในขณะนี้ และเป็นภาวะเร่งด่วนที่ต้องดำเนินการแก้ไข รวมทั้งเพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณของแต่ละหน่วยงานมีประสิทธิภาพสูงสุด จึงได้พิจารณาปรับลดงบประมาณของหน่วยงานต่าง ๆ เพิ่มเติมอีกจำนวน 16,362,010,100 บาท ไปไว้ในงบกลางรายการค่าใช้จ่ายในการบรรเทา แก้ไขปัญหา และเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพื่อให้รัฐบาลนำงบประมาณในส่วนนี้ไปช่วยเหลือและเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบเป็นการเร่งด่วน อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการป้องกันการนำงบประมาณไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ คณะ กมธ. จึงได้มีข้อสังเกตไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่า การใช้จ่ายงบประมาณในส่วนนี้ของรัฐบาลให้นำไปใช้ในการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตดังกล่าวตามที่มีการเสนองบประมาณเพิ่มเติมอย่างแท้จริงเท่านั้น ในการนี้ ขอให้ทุกภาคส่วนร่วมกันแก้ไขปัญหาให้กับประเทศ และขอให้หน่วยงานภาครัฐรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะของประชาชน เพื่อนำไปปรับแก้ไขและปฏิบัติได้อย่างเป็นรูปธรรมเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดต่อทุกฝ่ายต่อไป