|  
													
													
													
													 
 
													
											 | 
				
				 
					| 
											 | 
					 
													
																			
															
									 ห้องข่าว >>  ภาพข่าว >>   ภาพข่าวสภาผู้แทนราษฎร  									 |  
																																	
										นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ โฆษกคณะ กมธ. วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 แถลงข่าวผลการประชุมของคณะ กมธ.   
																															๏ฟฝัน๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ 12 ๏ฟฝ.๏ฟฝ. 2564 
																				
																				
										
										 
										
										
										
										
										
									 | 
								 
								
																												
								 
								
							 
							
							 
	
  
     
    วันจันทร์ที่ 12 กรกฎาคม 2564 เวลา 11.30 นาฬิกา ณ ห้องแถลงข่าว ชั้น 1 อาคารรัฐสภา นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ โฆษกคณะ กมธ. วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 แถลงข่าวผลการประชุมของคณะ กมธ. ครั้งที่ 21/2564 โดยคณะกรรมาธิการฯ ได้เริ่มประชุมเวลา 08.30 นาฬิกา และเลิกประชุมเวลา 18.30 นาฬิกา ในการพิจารณางบประมาณที่ผ่านมา คณะกรรมาธิการฯ ใช้เวลาไปแล้ว 19 วัน รวม 160 ชั่วโมง รวมหน่วยงานที่ผ่านการพิจารณาแล้ว 8 กระทรวง 4 กองทุน คิดเป็นร้อยละ 30.9 ของวงเงินงบประมาณ โดยกระทรวงที่ผ่านการพิจารณางบประมาณไปแล้วมี 8 หน่วยงาน ซึ่งในการพิจารณาภาพรวมงบประมาณของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมที่ประชุมยังได้มีการหารือและสอบถามเกี่ยวกับ ผลกระทบและแนวทางการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นจากการระบาดของโรคโควิด- 19 ต่อนิสิตนักศึกษาและประชาชน และกรรมาธิการยังได้ให้ความสำคัญกับคุณภาพการเรียนการสอนการผลิตนักศึกษาที่ตอบโจทย์ของประเทศ และการวิจัยพัฒนาเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มด้วย ทั้งนี้ มีกรรมาธิการบางท่านได้สอบถามว่า หน่วยงานมีแนวทางในการช่วยเหลือหรือเยียวยานิสิตนักศึกษาในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 อย่างไร เพื่อช่วยเหลือแบ่งเบาภาระค่าครองชีพของนิสิตนักศึกษาและผู้ปกครอง เช่น อาจปรับลดค่าหน่วยกิตลง และในปัจจุบันหน่วยงานมีการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ให้กับนิสิตนักศึกษาไปแล้วกี่รายและหน่วยงานมีนโยบายอย่างไรในการช่วยเหลือประชาชนที่ป่วยจากโรคโควิด-19 ซึ่งมีจำนวนมากขึ้นทุกวัน ทั้งนี้ หากหน่วยงานมีการจัดพื้นที่ของมหาวิทยาลัยเพื่อจัดทำเตียงสนามและที่พักสำหรับผู้ป่วยโรคโควิด-19 จะสามารถช่วยเหลือประชาชนได้อย่างมาก เพราะพื้นที่ของมหาวิทยาลัย มีระบบสาธารณูปโภค ระบบการกำจัดขยะและมลพิษ และอยู่ห่างไกลจากแหล่งชุมชน ทั้งนี้ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม ได้ชี้แจงว่า หน่วยงานได้ให้นโยบายกับมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ในการช่วยเหลือบุคลากรของมหาวิทยาลัยและเยียวยานิสิตนักศึกษาผู้ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด-19 ใน 3 เรื่อง ดังนี้ 1. การช่วยเหลือด้านการเงิน เช่น การลดค่าหน่วยกิต การขยายเวลาการชำระค่าเล่าเรียนและการให้ทุนการศึกษาแก่นักศึกษา ซึ่งอยู่ที่ดุลยพินิจของแต่ละมหาวิทยาลัย 2. การช่วยเหลือประชาคมผู้ประกอบการในมหาวิทยาลัยและผู้ที่เกี่ยวข้องกับมหาวิทยาลัย 3.การช่วยเหลือบรรเทาภาระทางการศึกษาของนิสิตนักศึกษา เช่น การสนับสนุนผ่านสื่อออนไลน์ ช่วยเหลือด้านการสื่อสารต่างๆ ขยายเวลาการศึกษาและการศึกงานเพื่อไม่ให้นิสิตนักศึกษามีปัญหาในการจบการศึกษา 
 
 ส่วนในวันนี้ คณะกรรมาธิการฯ จะพิจารณางบประมาณในภาพรวมของกระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานในสังกัดกระทรวงอุตสาหกรรม ทั้งหมด 7 หน่วยงานงบประมาณทั้งสิ้น 4,380,121,900 บาท และจะพิจารณางบประมาณในภาพรวมของกระทรวงพลังงาน และหน่วยงานในสังกัดกระทรวงพลังงาน ทั้งหมด 5 หน่วยงาน งบประมาณทั้งสิ้น 2,717,546,900 บาท และจะพิจารณางบประมาณในภาพรวมของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และหน่วยงานในสังกัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ทั้งหมด 7 หน่วยงาน งบประมาณทั้งสิ้น 5,164,586,900 บาท  
         | 
   
 
								
								
								
								
								
								 | 
							
																	
																	
																	
																	
															 | 
					
					 
						|  
															 
  
															
   
     
       
         
           
             
               สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร  
                  ถนนประดิพัทธ์ แขวงพญาไท  
                   เขตพญาไท กรุงเทพฯ 10400 
                                    โทร : 0 2244 2500 
                  e-Mail : webmaster@parliament.go.th 
                   | 
             
             
               
																							
								
								| จำนวนผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ในหน้า | 
								 
								 								
								 
															ตั้งแต่วันที่ 24 มีนาคม 2562 
															 | 
             
          
          | 
       
        | 
       
          | 
       
          | 
       
          | 
     
  
  
													 |