นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคก้าวไกล แถลงข่าว

ทั้งนี้ นายพิจารณ์ ให้ข้อสังเกตว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญในครั้งนี้ ทำเพื่อให้พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้งหากเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองจนนำไปสู่การยุบสภาในเร็ววันนี้ การบรรจุระเบียบวาระเป็นไปอย่างเร่งรัด เร่งรีบ เพื่อสร้างกติกาและกฎเกณฑ์เพื่อให้แน่ใจว่า พลเอก ประยุทธ์ จะกลับมามีอำนาจในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้ โดยมีข้อสังเกตที่สำคัญ 3 ประการ คือ
1. รัฐสภาได้เร่งรีบพิจารณาร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ. .... ซึ่งมีหลายมาตราและมีผู้สงวนคำแปรญัตติ และขอแปรญัตติหลายคน อีกทั้งยังเหลือกฎหมายสำคัญที่ต้องพิจารณา คือ ร่างพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ. ....ร่างประมวลกฎหมาย ยาเสพติด และร่างพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดียาเสพติด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ซึ่งเป็นกฎหมายที่มีความสำคัญเป็นอย่างมาก หากกฎหมายสามฉบับนี้ผ่านจะเป็นประโยชน์ต่อกระบวนการจัดการผู้กระทำผิดผู้ต้องหา เนื่องจากเป็นการรวบรวมกฎหมายยาเสพติด เพื่อให้เกิดการบังคับใช้อย่างมีประสิทธิภาพ และรัฐสภากลับรีบบรรจุระเบียบวาระการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาบรรจุต่อ ซึ่งหาก ร่าง พ.ร.บ. ยาเสพติดฯ พิจารณาไม่แล้วเสร็จจะต้องถูกเลื่อนไปพิจารณาต่อในการประชุมคราวถัดไป ซึ่งเป็นการจัดลำดับความสำคัญที่มีความแปลก มีการเร่งรัดการพิจารณาร่างกฎหมายที่เสนอโดยพรรคการเมือง
2. ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคเพื่อไทย ที่เสนอให้แก้ไข มาตรา 256 กลับไม่ได้รับการบรรจุในระเบียบวาระ โดยประธานรัฐสภาได้ให้ความเห็นว่า ร่างดังกล่าวขัดต่อระเบียบข้อบังคับ และศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยต่อร่างดังกล่าว และต้องทำประชามติเสียก่อน หากไม่รีบร้อนจนเกินไป เหตุใดจึงไม่รอร่างของพรรคเพื่อไทยก่อน เพื่อประโยชน์ในการพิจารณา
3. เหตุใดจึงไม่รอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญจากภาคประชาชน ที่อยู่ในขั้นตอนการรวบรวมรายชื่อ เหตุใดจึงรีบร้อนบรรจุวาระแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคพลังประชาชน ซึ่งเป็นร่างที่เสนอโดยพรรคการเมือง เหตุใดไม่รอเพื่อนำร่างของภาคประชาชนมาพิจารณาพร้อม ๆ กัน เพื่อความสง่างามของรัฐสภา ไม่ว่าจะพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญร่างใด หรือมาตราใดก็ตาม ก็ไม่สามารถขัดขวางให้ ส.ว. 250 คน เลือกนายกรัฐมนตรีได้ ซึ่งไม่ตรงตามความต้องการของประชาชนที่ออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้ง จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่พรรคก้าวไกล ไม่ลงชื่อสนับสนุนร่างของพรรคเพื่อไทย เพราะจะเป็นการสร้างความสับสนให้กับประชาชน และไม่สามารถพาสังคมออกจากวังวนของปัญหาได้ หากไม่แก้มาตรา 272 เพื่อปิดสวิตซ์ ส.ว. ไม่ให้มีสิทธิเลือกนายกรัฐมนตรี