วันพุธที่ 28 เมษายน 2564 เวลา 10.15 นาฬิกา ณ บริเวณห้องโถง ชั้น 1 อาคารรัฐสภา นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยหัวหน้าพรรคการเมืองฝ่ายค้าน 5 พรรค ประกอบด้วย นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ หัวหน้าพรรคเพื่อชาติ และนายนิคม บุญวิเศษ หัวหน้าพรรคพลังปวงชนไทย ร่วมแถลงข่าวแถลงการณ์พรรคร่วมฝ่ายค้าน เพื่อเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ลาออกจากตำแหน่ง เนื่องจากบริหารประเทศล้มเหลวเกือบทุกด้าน สร้างปัญหาและผลกระทบต่อประเทศ และเกิดความทุกข์ยากเดือดร้อนแก่ประชาชนในวงกว้าง โดยเฉพาะในสภาวะวิกฤตปัจจุบัน ดังนี้
1. ล้มเหลวและมีความผิดพลาดในการจัดการการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทั้งด้านการจัดหาวัคซีน การกระจายวัคซีน การฉีดวัคซีน จนกลายเป็นประเทศที่มีจำนวนวัคซีนและฉีดวัคซีน อันดับท้าย ๆ ในภูมิภาค รวมทั้งรัฐบาลกลับเป็นต้นตอในการระบาดในหลาย ๆ ระลอก ความล้มเหลวในการควบคุมการระบาดจนกลายเป็นประเทศที่อัตราการแพร่เชื้อต่อคนสูงที่สุดในโลกในช่วงเวลาหนึ่ง การจัดการเรื่องเตียง และ ICU ผิดพลาด
2. ล้มเหลวในการบริหารจัดการด้านเศรษฐกิจ มีการระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่ล้มเหลวที่สุดในโลกด้านเศรษฐกิจ และเป็นหนึ่งในประเทศที่ฟื้นตัวช้าที่สุดในโลกเช่นเดียวกัน ด้านเศรษฐกิจปากท้องพี่น้องประชาชนยากลำบากจากมาตรการเยียวยาที่ผิดพลาด ไม่ตรงจุด ไม่เพียงพอ ธุรกิจล้มตายจำนวนมากเพราะมาตรการด้านสินเชื่อล้มเหลว แรงงานว่างงานมากที่สุดในรอบกว่าสิบปี
3. ล้มเหลวในการสร้างความเป็นหนึ่งเดียวของคนทั้งประเทศ สนับสนุนพวกพ้อง ทำลายผู้เห็นต่าง สร้างความแตกแยกในสังคมอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน อาศัย พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เป็นเครื่องมือและข้ออ้าง เพื่อดำรงไว้ ซึ่งผลประโยชน์และอำนาจของตน โดยไม่ได้ใช้เพื่อการควบคุมการระบาดแต่อย่างใด หลอกลวงประชาชนเรื่อง การแก้ไขรัฐธรรมนูญเพียงเพื่อต้องการรักษาอำนาจและต่อท่ออำนาจของตนเองให้ขยายออกไป นอกจากนี้ ภายใต้กลไกของรัฐธรรมนูญ ปี 2560 แม้จะมีปัญหาการทุจริตเกิดขึ้นมากมาย แต่สุดท้ายก็ไม่มีใครเอาผิดได้ จนทำให้การทุจริตคอร์รัปชันในช่วงของรัฐบาลนี้สูงสุดเป็นประวัติการณ์
ทั้งนี้ พรรคร่วมฝ่ายค้านเห็นว่า ความล้มเหลว ไร้ความสามารถ ไร้ประสิทธิภาพ ทุจริตคอร์รัปชันเพื่อตนเองและพวกพ้อง ไร้ทิศทางในการบริหารราชการแผ่นดินเหล่านี้ หากปล่อยไป จะสร้างความเสียหายให้กับประเทศและประชาชนจนไม่สามารถกอบกู้กลับมาได้ กลายเป็นความเสียหายถาวรต่อประเทศ โดยประเทศไทยจะกลายเป็นประเทศที่พ่ายแพ้ต่อโรคโควิด-19 และพ่ายแพ้ด้านเศรษฐกิจ พรรคร่วมฝ่ายค้านจึงเห็นว่า เพื่อระงับความเสียหายที่จะเกิดขึ้น รัฐบาลจำเป็นต้องยุติบทบาทในการบริหารประเทศโดยทันทีด้วยการลาออก เพื่อเปิดโอกาสให้มีรัฐบาลมืออาชีพ มีความรู้ความสามารถ ไม่ยึดติดอยู่กับอำนาจและผลประโยชน์เข้ามาบริหารประเทศ
ด้านนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ กล่าวเพิ่มเติมว่า การบริหารประเทศของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ล้มเหลวโดยสิ้นเชิง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่คณะรัฐมนตรี มีมติเห็นชอบให้โอนอำนาจหน้าที่ของกระทรวง ทบวง กรม ต่าง ๆ ในส่วนที่เกี่ยวกับการอนุญาต อนุมัติ สั่งการ บังคับบัญชา หรือช่วยในการป้องกัน แก้ไข ปราบปราม ระงับยับยั้งในสถานการณ์ฉุกเฉินหรือฟื้นฟู ช่วยเหลือประชาชน เพื่อให้การแก้ไขสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 31 ฉบับ มาเป็นอำนาจหน้าที่ของนายกรัฐมนตรี รวมทั้งเรียกร้องให้ทุกภาคส่วน อาทิ นักวิชาการ ภาคประชาสังคม และประชาชน แสดงออกถึงความไม่ต้องการรัฐบาลที่บริหารประเทศล้มเหลว
ด้านพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย กล่าวว่า ตั้งแต่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เข้ามาบริหารประเทศ ไม่มีอะไรดีขึ้นแต่กลับทำให้ประเทศตกต่ำลง มีหนี้ประเทศ คนจน การทุจริต และความเหลื่อมล้ำมากที่สุด รวมทั้งยังเขียนรัฐธรรมนูญเพื่อให้ตนเองสามารถสืบทอดอำนาจได้ โดยให้อำนาจสมาชิกวุฒิสภาในการเลือกนายกรัฐมนตรี ทั้งนี้ ประเทศจะเจริญก้าวหน้าต่อไปได้จะต้องมี 2 องค์ประกอบ คือ มีผู้นำที่ดี สามารถสร้างคนให้เป็นคนดี และมีระบบการบริหารที่ดี
ด้านนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่า จากสถานการณ์ในวันนี้ รัฐบาลต้องยอมรับว่าไม่สามารถบริหารประเทศอย่างมีประสิทธิภาพได้ และมีปัญหาต่าง ๆ มากมายที่เกิดจากการไร้ประสิทธิภาพ และไร้ยุทธศาสตร์ในการบริหาร รวมทั้งได้เสนอโรดแมปทางออกของประเทศ 3 ขั้นตอน ได้แก่ 1. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และรัฐบาล ต้องยุติบทบาทโดยการลาออก 2. ตั้งรัฐบาลใหม่ที่มีความสามารถเป็นการชั่วคราว เพื่อแก้ไขปัญหาโรคโควิด-19 และการแก้รัฐธรรมนูญ และ 3. ยุบสภาเพื่อให้เกิดการเลือกตั้งทั่วไปโดยเร็ว
ในขณะที่นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ หัวหน้าพรรคเพื่อชาติ กล่าวว่า ไม่เคยมีนายกรัฐมนตรีคนใดที่ทำให้ประเทศเกิดความเสียหายได้เท่านี้ ทั้งด้านเศรษฐกิจ การบริการจัดการกับโรคโควิด-19 และการปกครองที่ไม่เป็นธรรม จึงขอเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ลาออกจากตำแหน่ง ด้านนายนิคม บุญวิเศษ หัวหน้าพรรคพลังปวงชนไทย กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่มีความสามารถและไร้ประสิทธิภาพในการบริหารประเทศจนทำให้ประเทศมาสู่ภาวะวิกฤต โดยเฉพาะในเรื่องการฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชน |