เมื่อสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรทำตามขั้นตอนในทางธุรการ โดยมีการตรวจคำร้องและลายมือชื่อของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ที่ได้เข้าชื่อแล้วจำนวนครบถ้วนตามรัฐธรรมนูญ และมีลายมือชื่อ
ที่ถูกต้อง มาตรา ๘๒ วรรคหนึ่งกำหนดให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรส่งคำร้องดังกล่าวไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณาวินิจฉัยซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมายของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ผู้รับมอบอำนาจ ได้เดินทางไปยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อวานนี้ (๒๑ ม.ค. ๖๔) เวลา๑๕.๐๐ น. และในวันเดียวกัน ได้มีหนังสือแจ้งไปยังตัวแทนผู้ร้องคือ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ขณะนี้ถือว่าคดีอยู่ในขั้นตอนของศาลรัฐธรรมนูญ โดยการแสดงความคิดเห็นใด ๆ ต้องใช้ความระมัดระวัง

ทั้งนี้ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่เป็นผู้ยื่นคำร้อง ด้วยความเป็นกลางและตรงไปตรงมา จากนั้น จะเป็นกระบวนการต่อสู้คดีในชั้นศาลของผู้ร้องและผู้ถูกร้องจึงขอให้ทุกฝ่ายเชื่อมั่นในกระบวนการของศาลรัฐธรรมนูญที่จะให้ความเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่า ในคำร้องนั้นนอกจากขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสมาชิกภาพความเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของนายสิระ เจนจาคะ แล้ว เหตุใดต้องมีคำขอให้ศาลมีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ด้วย โดยประเด็นนี้เป็นหลักการปกติ
เมื่อผู้ร้องได้ยื่นคำขอดังกล่าวมาในหนังสือที่ยื่นต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร ต้องใส่ประเด็นนี้ไปด้วย และตามรัฐธรรมนูญมาตรา ๘๒ วรรคสอง ได้ระบุไว้ชัดเจนว่าเป็นอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญที่จะมีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ ซึ่งประเด็นนี้ไม่ต้องการให้ไปก้าวล่วงดุลพินิจของศาลรัฐธรรมนูญ