วันศุกร์ที่ ๒๒ มกราคม ๒๕๖๔ เวลา ๑๐.๔๐ นาฬิกา ณ บริเวณด้านหน้า อาคารรัฐสภา นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎร มอบหมายให้ นายสมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล เลขานุการประธานสภาผู้แทนราษฎร และน.ส.ผ่องศรี ธาราภูมิ คณะทำงานทางการเมืองของประธานสภาผู้แทนราษฎร รับยื่นหนังสือจาก นายทวีชัย มีมุ่งธรรม ผู้ประสานงานเครือข่ายรามคําแหงเพื่อประชาธิปไตย
เพื่อขอให้สภาผู้แทนราษฎรเสนอให้รัฐบาลทบทวนมาตรการช่วยเหลือประชาชน เนื่องจาสถานการณ์
ปัจจุบัน ประเทศไทยอยู่ในภาวะวิกฤตการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (โควิด-๑๙)ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน ซึ่งรัฐบาลได้ออกมาตรการเกี่ยวกับการช่วยเหลือประชาชนในภาวะวิกฤตโควิด-๑๙ ไม่สอดคล้องกับความเดือดร้อนของประชาชน อาทิ โครงการคนละครึ่ง และโครงการไทยชนะที่ไม่สามารถช่วยเหลือประชาชน ภาคเอกชน ผู้ประกอบการรวมทั้งแรงงานทั้งในระบบและนอกระบบได้อย่างทั่วถึงและแท้จริง อีกทั้งเป็นการสร้างภาระให้แก่ประชาชนที่ขาดแคลนอุปกรณ์ และเข้าไม่ถึงเทคโนโลยี อินเทอร์เน็ต จึงขอเรียกร้องให้สภาผู้แทนราษฎรในฐานะที่เป็นตัวแทนของประชาชน ได้เสนอให้รัฐบาลช่วยเหลือประชาชน ดังนี้
๑. ยกเลิกการพิสูจน์ความจนเพื่อช่วยเหลือประชาชนจากวิกฤตโควิด-๑๙
๒. ประชาชนทุกสาขาอาชีพจะต้องได้รับการเยียวยาอย่างเสมอภาค และมีความรวดเร็วในการดำเนินการช่วยเหลือ
๓. การเยียวยาช่วยเหลือประชาชนจะต้องเป็นเงินสด ที่ประชาชนสามารถนำไปใช้จ่ายเพื่อบรรเทา
ความเดือดร้อนของแต่ละบุคคล
๔. ต้องพักหนี้ให้ธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง เพื่อการดำรงอยู่ของ "SME" สามารถกลับมาดำเนิน
ธุรกิจได้ รวมถึงธุรกิจร้านอาหารและสถานบันเทิง
๕. ต้องมีมาตรการให้กลุ่มทุนใหญ่ อาทิ ธนาคารเอกชนต่าง ๆ รวมถึงธนาคารของรัฐ พักหนี้ให้ประชาชนอย่างเร่งด่วน
๖. ต้องหยุดใช้งบประมาณของประเทศเพื่อสิ่งที่ไม่จำเป็นด้านนายสมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล กล่าวภายหลังรับหนังสือว่า ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรแต่ละครั้ง ประธานฯ ได้เปิดโอกาสให้สมาชิกฯ
ปรึกษาหารือถึงความเดือดร้อนของประชาชน ซึ่งสมาชิกฯ หลายท่าน ได้หารือเกี่ยวกับปัญหามาตรการการช่วยเหลือประชาชนในวิกฤตโควิด-๑๙ ซึ่งสภาจะรวบรวมปัญหาดังกล่าว ส่งไปยังรัฐบาลเพื่อดำเนินการ

ทั้งนี้ ขอขอบคุณเครือข่ายรามคําแหงเพื่อประชาธิปไตย ที่เป็นตัวแทนสะท้อนความเดือดร้อนของประชาชนและจะนำเรื่องดังกล่าวกราบเรียนประธานฯ เพื่อดำเนินการ จากนั้นจะแจ้งเครือข่ายฯ
ให้ทราบถึงความคืบหน้าต่อไป