 |
|
|
 |
|
|
ห้องข่าว >> ภาพข่าว >> ภาพข่าวสภาผู้แทนราษฎร  |
น.ส.ธณิกานต์ พรพงษาโรจน์ รองประธานคณะ กมธ. วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่..) พ.ศ. .... คนที่สอง และคณะ แถลงข่าวสรุปความคืบหน้าการพิจารณาของคณะ กมธ. ๏ฟฝัน๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ 5 ๏ฟฝ.๏ฟฝ. 2564 |
|
|
| วันอังคารที่ ๕ มกราคม ๒๕๖๔ เวลา ๑๑.๓๐ นาฬิกา ณ ห้องแถลงข่าว ชั้น ๑ อาคารรัฐสภา น.ส.ธณิกานต์ พรพงษาโรจน์ รองประธานคณะ กมธ. วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่..) พ.ศ. .... คนที่สอง และคณะ แถลงข่าวสรุปความคืบหน้าการพิจารณาของคณะ กมธ. ซึ่งขณะนี้ได้มีการประชุมมาแล้ว จำนวน ๔ ครั้ง และอยู่ระหว่างการพิจารณาลงในรายมาตรา สำหรับความคืบหน้า มีดังนี้ ๑. ได้ใช้ร่างพระราชบัญญัติฉบับที่เสนอโดยคณะรัฐมนตรี และมีการแก้ไขในส่วนของเหตุผลประกอบร่างพระราชบัญญัติ เพื่อให้สอดคล้องกับคำวินิจฉัยและข้อเสนอแนะของศาลรัฐธรรมนูญ ๒. คณะ กมธ. ได้ให้ความสนใจและเน้นการพิจารณาในส่วนของอายุครรภ์มารดาว่าต้องมีระยะเวลาเท่าใด โดยได้ข้อสรุปอายุครรภ์ของหญิงไม่เกิน ๑๒ สัปดาห์ ตามมาตรา ๓๐๑ "หญิงใดทำให้ตนแท้งลูกหรือยอมให้ผู้อื่นทำให้ตนแท้งลูกขณะมีอายุครรภ์เกิน ๑๒ สัปดาห์ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน ๓ เดือน หรือปรับไม่เกิน ๑๐,๐๐๐ บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ" เพื่อรักษาความสมดุลระหว่างเสรีภาพในเนื้อตัวร่างกายของหญิงและสิทธิของเด็กในครรภ์ตามความเห็นของผู้แทนจากแพทยสภาที่ให้ความเห็นว่า อายุครรภ์ของหญิงระยะ ๑๒ สัปดาห์ เป็นระยะเวลาที่ปลอดภัยที่สุดของหญิงที่จะยุติการตั้งครรภ์ และทารกในครรภ์ยังไม่มีเนื้อตัวร่างกาย ๓. คณะ กมธ. ได้เน้นย้ำว่า ไม่มีการทำแท้งเสรีหรือยุติการตั้งครรภ์แบบเสรี มีแต่การยินยอมให้ยุติการตั้งครรภ์แบบมีเงื่อนไข ซึ่งในร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้เปิดช่องทางให้เสรีภาพต่อหญิงในการยุติการตั้งครรภ์ ภายใต้เงื่อนไขที่กำหนดไว้เช่นเดียวกัน โดยคณะ กมธ. เห็นว่าไม่มีหญิงคนใดที่ต้องการท้องเพื่อที่จะไปทำแท้ง ดังนั้นหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คือ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์และกระทรวงสาธารณสุขควรมีมาตรการในการช่วยเหลือ ดูแล และเยียวยาอย่างต่อเนื่อง โดยต้องมีความเข้าใจว่าผู้หญิงต้องไม่ถูกกระทำซ้ำทั้งทางวาจาและท่าทาง รวมไปถึงจุดให้บริการสายด่วน ต้องจัดเจ้าหน้าที่ที่มีความเข้าใจปัญหานี้เข้ามาทำหน้าที่ให้การช่วยเหลือ ๔. ในบทยกเว้นความผิดของผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมตามมาตรา ๓๐๕ ของประมวลกฎหมายอาญา ฉบับที่แก้ไขเพิ่มเติม คณะ กมธ. ยังมีความห่วงใยและให้ข้อสังเกตว่า แพทยสภาจะต้องเร่งปรับปรุงหลักเกณฑ์ในการทำหน้าที่ของผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมให้สอดรับกับบทบัญญัติในมาตรา ๓๐๑ ของประมวลกฎหมายอาญา ฉบับที่กำลังแก้ไขเพิ่มเติมนี้ ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขจะต้องเร่งดำเนินการพัฒนางานที่เกี่ยวข้องกับปัญหาหญิงยุติการตั้งครรภ์ หรือยอมให้ผู้อื่นทำให้ตนแท้งลูกมีความชัดเจนและต่อเนื่องทั้งในด้านนโยบายการบริหาร และการประชาสัมพันธ์ |
 |
 |
 |
 |
|