 |
|
|
 |
|
|
ห้องข่าว >> ภาพข่าว >> ภาพข่าวสภาผู้แทนราษฎร  |
ประธานคณะอนุ กมธ. พิจารณาหาสาเหตุ และแนวทางแก้ไขปัญหาหนี้สินครู ในคณะ กมธ. วิสามัญเพื่อศึกษาแผนปฏิรูปประเทศด้านการศึกษาและแนวทางการบริหารจัดการปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษาอย่างเป็นระบบ และคณะ แถลงข่าว ๏ฟฝัน๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ 23 ๏ฟฝ.๏ฟฝ. 2563 |
|
|
วันจันทร์ที่ ๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ เวลา ๑๔.๔๕ นาฬิกา ณ ห้องแถลงข่าว
ชั้น ๑ อาคารรัฐสภา นายปรีดา บุญเพลิง ประธานคณะอนุกรรมาธิการพิจารณาหาสาเหตุ และแนวทางแก้ไขปัญหาหนี้สินครู ในคณะ กมธ. วิสามัญเพื่อศึกษาแผนปฏิรูปประเทศ
ด้านการศึกษาและแนวทางการบริหารจัดการปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษา
อย่างเป็นระบบ และคณะ แถลงข่าวผลการประชุมว่า ที่ประชุมได้สรุป
และวิเคราะห์สาเหตุของการเกิดปัญหาหนี้สินครูว่าเกิดจากปัจจัยพื้นฐานคือ การเป็นหนี้ระหว่างรับราชการ และเกิดจากการใช้จ่ายฟุ่มเฟือย ฟุ้งเฟ้อ โดยแบ่งเป็น ๓ ลักษณะ คือ ๑. หนี้ปกติ ๒. หนี้ใกล้วิกฤต ๓. หนี้ขั้นวิกฤต ซึ่งที่ประชุมสรุปแนวทางแก้ไขปัญหาหนี้สินของข้าราชการ ๒ แนวทาง ดังนี้ ๑. การแก้ไขระยะเร่งด่วน คือ ๑) ประนอมหนี้ ๒) รัฐต้องพักชำระหนี้ให้แก่ครู อย่างน้อย ๒ ปี หรือยืดระยะเวลาการชำระหนี้ตามความเหมาะสม ๓) ลดดอกเบี้ยเงินกู้ไม่เกินร้อยละ ๔ บาทต่อปี ๒. การแก้ปัญหาระยะยาวอย่างยั่งยืน คือ ๑) เพิ่มรายวิชาในหลักสูตรการเรียนครู ๒) กระบวนการผลิตครู รัฐต้องกำหนดให้มีสถาบันการผลิตครูโดยตรง ๓) ให้กระทรวงศึกษาธิการกำหนดหลักสูตรและสนับสนุนงบประมาณ เพื่อการพัฒนาบุคคลก่อนบรรจุแต่งตั้งครูผู้ช่วย ๔) การจัดสวัสดิการ สวัสดิภาพครู รัฐต้องจัดสวัสดิการ สวัสดิภาพครู ๕) รัฐต้องปรับปรุงอัตราเงินเดือนครู ๖) รัฐควรลดภาระงานครูให้เหลือแต่หน้าที่สอนอย่างเดียว ๗) ปรับปรุงพระราชกฤษฎีกาค่าเช่าบ้านข้าราชการ พ.ศ. ๒๕๔๗ และแก้ไขเพิ่มเติม ดังนั้น เพื่อให้การขับเคลื่อนแนวทางแก้ไขปัญหาหนี้สินครูทั้งระบบ ประสบความสำเร็จโดยเร็วที่ประชุมคณะอนุ กมธ. จึงมีความเห็นว่าต้องมีการรับฟังข้อมูล จากผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเครือข่ายองค์กรวิชาชีพครู และเครือข่ายพัฒนา วิชาชีพครูทั่วประเทศใน ๔ ภูมิภาค เพื่อหลอมรวมปัญหาและแนวทางแก้ไข ปัญหาภายในเดือนธันวาคม ๒๕๖๓ ก่อนจะเสนอแนวทางให้คณะ กมธ. วิสามัญฯ เสนอต่อรัฐสภา เพื่อเป็นแนวทางให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อไปโดยเร็ว ซึ่งคาดว่าจะสรุปข้อมูลแล้วเสร็จก่อนสิ้นปี ๒๕๖๓ นี้แน่นอน โดยในเบื้องต้น จะเชิญคณะที่ปรึกษาคณะอนุ กมธ. ที่มีอยู่ทั่วประเทศกว่า ๒๐๐ คน มาให้ข้อมูล ที่เป็นประโยชน์เพื่อให้ได้ข้อสรุปภายในเดือนพฤศจิกายนนี้ |
 |
 |
 |
 |
|