เมื่อวันอังคารที่ ๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ เวลา ๑๙.๓๐ - ๒๑.๐๐ นาฬิกา ณ ห้องประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ สำนักองค์การรัฐสภาระหว่างประเทศ ชั้น ๓ อาคารรัฐสภา น.ส.เพชรดาว โต๊ะมีนา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและ สมาชิกคณะที่ปรึกษาด้านสาธารณสุขของสหภาพรัฐสภา (IPU Advisory Group on Health AGH) ได้เป็นผู้นำเสนอประสบการณ์ของประเทศไทย (Country Presentation) ในบริบทผลกระทบของ COVID-19 ที่มีต่อหลักประกัน สุขภาพถ้วนหน้า ในการสัมมนาออนไลน์ทาง Webinar เรื่อง หลักประกันสุขภาพ ถ้วนหน้าในช่วงการระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) สิ่งท้าทายและวิธีปฏิบัติที่ดีที่สุดของภาครัฐสภา (Universal Health Coverage in times of COVID-19 Parliamentary best practices and challenges) ในรูปแบบการประชุมเสมือนจริง (Virtual Meeting) ซึ่งวัตถุประสงค์ของการสัมมนาออนไลน์ผ่าน Webinar นี้ เป็นการประเมิน ความก้าวหน้าในการบรรลุ UHC ของรัฐสภาประเทศต่าง ๆ และสิ่งท้าทาย ที่ประสบร่วมกันจากการเร่งดำเนินการนี้ ทั้งนี้ จากการระบาดที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน หัวข้อที่จะอภิปรายจึงจะได้กล่าวถึงวิธีการในการให้ความสำคัญกับ UHC ในการตอบสนองต่อ COVID-19 และการเยียวยาเป็นลำดับต้น ๆ รวมทั้ง ยกตัวอย่างถึงวิธีการที่ UHC จะสนับสนุนการรับมือและการเตรียมการ ในเหตุฉุกเฉิน ในการนี้ น.ส.เพชรดาว โต๊ะมีนา ได้นำเสนอประสบการณ์ ของประเทศไทย โดยแบ่งการนำเสนอออกเป็น ๓ ส่วน คือส่วนที่หนึ่ง ภาพรวมของหลักประกันสุขภาพของไทยโดยสังเขปว่า ประเทศไทย ได้มีพระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๕ รู้จักกัน ในชื่อโครงการ สามสิบบาทรักษาทุกโรค โดยปัจจุบันได้กลายมาเป็น วิธีปฏิบัติที่ดีที่ช่วยให้ประชาชนสามารถเข้าถึงการรักษาพยาบาลและ ลดภาระค่าใช้จ่ายของครัวเรือน โดยการประกันสุขภาพของไทยแบ่ง ออกได้ ๓ ประเภทใหญ่ ๆ คือ สิทธิการรักษาพยาบาลของข้าราชการ สิทธิประกันสังคมสำหรับสมาชิกประกันสังคมที่เป็นลูกจ้างสถานประกอบ การและผู้ประกันตน และสิทธิหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าที่ครอบคลุม ประชากรทุกคนที่ไม่เข้าเกณฑ์สิทธิรักษาพยาบาลของข้าราชการและ สิทธิประกันสังคม ส่วนที่สอง หลักประกันสุขภาพของไทยในช่วง การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (โควิด-19) ซึ่งประเทศไทย เป็นประเทศแรกนอกจากสาธารณรัฐประชาชนจีนที่พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 โดยพบผู้ติดเชื้อคนแรกเมื่อวันที่ ๑๓ ม.ค.๖๓ จากการเริ่มตรวจคัดกรอง แต่แรกเริ่ม ณ ท่าอากาศยาน ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องจึงสามารถควบคุมการ ระบาดได้เป็นอย่างดี โดย ณ วันที่ ๑๗ พ.ย. ๖๓ ประเทศไทยมีตัวเลข ผู้ติดเชื้อสะสมจำนวน ๓,๘๗๘ คน ยังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล ๙๔ คน ส่วนจำนวนของผู้เสียชีวิตยังคงเป็น ๖๐ คน อย่างไรก็ดี ประเทศไทย ใช้หลักการ ๓ ประการที่ทำให้หลักประกันสุขภาพในช่วงการระบาดของ โควิด-19 ประสบความสำเร็จมากยิ่งขึ้น นั่นคือ (๑) ความเสมอภาค (Equity) ที่สร้างความมั่นใจว่าทุกคนสามารถเข้าถึง การบริการด้านการรักษาพยาบาลที่สำคัญ (๒) ความมีประสิทธิภาพ (Efficiency) โดยการขับเคลื่อนเงินทุนในการ ต้อสู้กับโรคติดเชื้อโควิด-19 (๓) การมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน (Participation) ชุมชน และประชาชน นอกจากนี้ อาสาสมัครสาธารณสุข (อสม.) เป็นพลังสำคัญในการ ช่วยสนับสนุนการควบคุมการระบาดของโควิด-19 ได้อย่างประสบ ผลสำเร็จจนได้รับคำชมจากองค์การอนามัยโลกว่าเป็น วีรบุรุษผู้ปิดทอง หลังพระ (unsung heroes) และเป็นตัวอย่างให้กับอีกหลาย ๆ ประเทศ ยิ่งกว่านั้น องค์การอนามัยโลกได้เลือกให้ประเทศไทยเป็นหนึ่ง ในสี่ประเทศที่ร่วมแบ่งปันประสบการณ์การดำเนินการที่ประสบความสำเร็จ โดยกระบวนการนี้เรียกว่า การทบทวนร่วมระหว่างการปฏิบัติงานด้าน สาธารณสุข เพื่อตอบสนองต่อสถานการณ์โรคโควิด-19 ในประเทศไทย (Joint Intra-Action Review IAR) เพื่อระบุสิงที่ดำเนินการได้ผลดี ในช่วงหกเดือนแรกของการระบาด รวมทั้งให้ข้อเสนอแนะวิธีที่ประเทศ จะดำเนินการปรับปรุงหรือเตรียมการรับมือกับการระบาดระลอกสอง ในอนาคตได้อย่างไร ส่วนที่สาม บทบาทของรัฐสภาไทยในการสนับสนุน และการปรับปรุงพัฒนาหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าให้ดียิ่งขึ้นท่ามกลาง วิกฤตการระบาดของโควิด-19 ซึ่งอำนาจหลักของรัฐสภาคือ - ด้านการออกกฎหมาย เมื่อปีที่แล้วรัฐสภาได้ออกพระราชบัญญัติ ระบบสุขภาพปฐมภูมิเพื่อส่งเสริมการนำหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ไปปฏิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น กำหนดกลไกในการกำกับ ดูแลการดูแลสุขภาพขั้นมูลฐานทั่วประเทศ และให้ผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย ได้แก่ หน่วยงานท้องถิ่น ภาคเอกชน และประชาสังคมได้เข้ามามีส่วนร่วม - ด้านการจัดสรรงบประมาณ โดยเฉพาะการจัดสรรรายจ่ายงบประมาณ ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๔ คิดเป็นร้อยละ ๔.๓๓ ของงบประมาณรายจ่ายของ ประเทศทั้งหมด อีกทั้ง สภาผู้แทนราษฎรได้เห็นชอบพระราชกำหนด เกี่ยวกับการกู้เงินจำนวน ๓ ฉบับ เพื่อเยียวยาโควิด-19 ได้แก่ (๑) พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อ ไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ (๒) พระราชกำหนดการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ประกอบวิสาหกิจ ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ พ.ศ.๒๕๖๓ (๓) พระราชกำหนดการรักษาเสถียรภาพของระบบการเงินและความมั่นคง ทางเศรษฐกิจของประเทศ พ.ศ. ๒๕๖๓ - ด้านการตรวจสอบของรัฐสภา สภาผู้แทนราษฎรได้จัดตั้งคณะกรรมาธิการ วิสามัญพิจารณาติดตาม ตรวจสอบการใช้เงินตามพระราชกำหนด ๓ ฉบับ เพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยาและฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบ จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ สภาผู้แทนราษฎรด้วย
เครดิต : ภาพและข่าวโดย กลุ่มงานสหภาพรัฐสภา สำนักองค์การรัฐสภา ระหว่างประเทศ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร
|