FONTSIZE
ห้องข่าว >> ภาพข่าว >> ภาพข่าวสภาผู้แทนราษฎร
ประธานคณะกรรมาธิการการคุ้มครองผู้บริโภค และคณะ แถลงข่าวถึงประเด็นที่คณะ กมธ. มีความห่วงใยประชาชนและผู้บริโภคในภาวะวิกฤตการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-๑๙ ของประเทศไทยในช่วง ๗ เดือน ที่ผ่านมา

๏ฟฝัน๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ 2 ๏ฟฝ.๏ฟฝ. 2563

       วันพฤหัสบดีที่ ๒ กรกฎาคม ๒๕๖๓ เวลา ๑๑.๐๐ นาฬิกา ณ ห้องแถลงข่าว ชั้น ๑ 
อาคารรัฐสภา นายมานะ โลหะวณิชย์ ประธานคณะกรรมาธิการการคุ้มครองผู้บริโภค 
และคณะ แถลงข่าวถึงประเด็นที่คณะ กมธ. มีความห่วงใยประชาชนและผู้บริโภคในภาวะ
วิกฤตการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-๑๙ ของประเทศไทยในช่วง ๗ เดือน ที่ผ่านมา 
ซึ่งทางคณะ กมธ. มิได้นิ่งนอนใจ โดยได้มีการพิจารณาติดตามและให้ข้อเสนอแนะต่อรัฐบาล       
ในการออกมาตรการต่าง ๆ เพื่อช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนและลดภาระค่าใช้จ่ายของ
ผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง โดยมีประเด็นที่สำคัญจำนวน ๓ เรื่อง ประกอบด้วย
        ๑. พิจารณาศึกษาปัญหาและมาตรการแก้ไขความเดือดร้อนของผู้บริโภคกรณีมาตรการ 
Lock Down ประเทศ ป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-๑๙ ทำให้เศรษฐกิจชะลอตัว 
ประชาชนขาดรายได้แต่สินค้าอุปโภคบริโภคกลับขาดแคลนและมีราคาแพงขึ้น
        ๒. พิจารณาศึกษาแนวทางการช่วยเหลือและคุ้มครองสิทธิผู้บริโภคกรณีราคาน้ำมันดิบ
ในตลาดโลกปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง แต่ผู้บริโภคต้องซื้อน้ำมันสำเร็จรูปในราคาแพงและมีค่า
ครองชีพที่สูงขึ้น
        ๓. พิจารณาศึกษาแนวทางและมาตรการทางการเงินในการช่วยเหลือและคุ้มครองโดยเฉพาะ
แนวทางและมาตรการทางการเงินเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนและคุ้มครองผู้บริโภค
        ทั้งนี้ เบื้องต้น คณะ กมธ. ขอขอบคุณธนาคารแห่งประเทศไทย โดยเฉพาะนายรณดล นุ่มนนท์ 
รองผู้ว่าการด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ที่ได้เสียสละเวลาเข้าร่วมประชุมกับคณะอนุ กมธ. 
เพื่อรับทราบปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน และรับข้อเสนอแนะจากคณะกรรมการคุ้มครอง
ผู้บริโภคในการออกมาตรการทางการเงินเพื่อช่วยเหลือคุ้มครองผู้บริโภค โดยการปรับลดเพดาน
ดอกเบี้ยบัตรเครดิตจากเดิมสูงสุดร้อยละ ๑๘ เหลือร้อยละ ๑๖และดอกเบี้ยสินเชื่อส่วนบุคคลจากเดิม
สูงสุดร้อยละ ๒๘ เหลือร้อยละ ๒๕ โดยเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ ๑ ส.ค. ๖๓  แต่จากการศึกษาของคณะอนุ 
กมธ.พิจารณาศึกษาแนวทางและข้อเสนอแนะเพื่อการแก้ไขปัญหาการคุ้มครองผู้บริโภค ในคณะ กมธ. 
การคุ้มครองผู้บริโภค พบว่า ด้วยอัตราเพดานดอกเบี้ยสูงสุดที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนดให้
สถาบันการเงินและผู้ประกอบธุรกิจสินเชื่อที่มิใช่สถาบันการเงิน แม้ปรับลดลงร้อยละ ๒ - ๓ นั้น ยังถือว่า
มีอัตราดอกเบี้ยที่สูงมาก ซึ่งยังไม่เหมาะสม ถือเป็นการเอาเปรียบผู้บริโภค อีกทั้งยังสูงกว่าที่ประมวล
กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ซึ่งเป็นกฎหมายหลักและมีสภาพบังคับเป็นการทั่วไป มาตรา ๖๕๔ กำหนด
ไว้ว่า "ห้ามให้คิดดอกเบี้ยเกินร้อยละ ๑๕ ต่อปี ถ้าในสัญญากำหนดดอกเบี้ยเกินกว่านั้น ก็ให้ลดลงมาเป็น
ร้อยละ ๑๕ ต่อปี" และยังสูงกว่ากฎหมายยกเว้นห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา ซึ่งมีผลใช้บังคับเป็นการ
เฉพาะและกำหนดให้การเรียกดอกเบี้ยเกินร้อยละ ๑๕ ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของ
ประชาชน เป็นความผิดและมีโทษทางอาญา ทั้งนี้ จากสภาพปัญหาและข้อเท็จจริงดังกล่าว เพื่อช่วยเหลือ
และคุ้มครองสิทธิผู้บริโภค 
        คณะ กมธ. จึงขอเรียกร้องไปยังรมว.การคลัง และธนาคารแห่งประเทศไทย กำหนดมาตรการเพื่อ
ช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนและคุ้มครองผู้บริโภค โดยให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิต
และสินเชื่อส่วนบุคคล "ไม่เกินร้อยละ ๑๕ ต่อปี" เพื่อแก้ไขปัญหาของประชาชนผู้บริโภคอย่างยั่งยืนต่อไป


download download Download all images download


  • การรับรายงานตัวสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร    download_icon

 แสดงทั้งหมด...
Untitled Document

สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร
ถนนประดิพัทธ์ แขวงพญาไท
เขตพญาไท กรุงเทพฯ 10400
โทร : 0 2244 2500
e-Mail : webmaster@parliament.go.th
จำนวนผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ในหน้า
ตั้งแต่วันที่ 24 มีนาคม 2562