น.ส.ธณิกานต์ พรพงษาโรจน์ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะที่ปรึกษาคณะ กมธ. วิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM ๒.๕) อย่างเป็นระบบ เปิดเผยว่า สถานการณ์หมอกควันฝุ่นละอองขนาดเล็ก หรือ PM ๒.๕ โดย เฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือ ยังคงเป็นที่กังวลของทุกภาคส่วน ซึ่งล่าสุดวันนี้กรมควบคุมมลพิษ ได้แจ้งปริมาณฝุ่น PM ๒.๕ พบค่าสูงสุดที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย ๓๕๑ มคก./ลบ.ม. ซึ่งได้รับ ผลกระทบจากหมอกควันข้ามแดน ทำให้ฝุ่นละอองเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง และที่ อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ ที่ยังคงพบจุดความร้อนในพื้นที่ใกล้เคียง ส่งผลให้ฝุ่นละอองเพิ่มขึ้นเช่นกัน ดังนั้นในวันนี้คณะ กมธ. จึงได้มีมติแต่งตั้ง คณะอนุ กมธ. เพื่อให้วางแนวทางขับเคลื่อนอย่างเป็นระบบและนำไปสู่การ ปฏิบัติ โดยแต่งตั้งให้ ม.ล.ดิศปนัดดา ดิศกุล เป็นประธาน เริ่มปฏิบัติหน้าที่วันนี้เป็นวันแรกด้าน ม.ล.ดิศปนัดดา กล่าวว่า เป้าหมายของคณะอนุ กมธ. คือ การคืนลมหายใจที่สะอาดให้คนไทย การจัดการกับฝุ่น PM ๒.๕ ตลอดจนการบริหารจัดการยกระดับสิ่งแวดล้อมด้าน Air Quality อย่างเป็นรูปธรรม จากข้อมูลของ World Resources Insitution พบว่า สาเหตุหลัก ๔ ประการ ที่ก่อให้เกิดก๊าซเรือนกระจกมาจากการปล่อยคาร์บอน ภาคพลังงาน (ผลิตไฟฟ้าจากฟอสซิส เป็นต้น) ร้อยละ ๕๑.๘ ภาคเกษตรกรรม (เกษตรเชิงเดี่ยว การเผาป่า การเผาพื้นที่เกษตร เป็นต้น) ร้อยละ ๑๖.๕ ภาคคมนาคม (เชื้อเพลิงเผาไหม้ไม่สมบูรณ์ ดีเซล เป็นต้น) ร้อยละ ๑๗.๘ ภาคอุตสาหกรรม ร้อยละ ๑๓.๙ ทั้งนี้ ในส่วนของภาคเหนือที่เป็นประเด็นกังวลอยู่ในขณะนี้ สาเหตุหลักมาจากการเผาพื้นที่ ป่าต่าง ๆ คิดเป็นร้อยละ ๙๐ โดยแนวทางการขับเคลื่อนจะมีทั้งในระยะเร่งด่วน ระยะกลาง และระยะยาว ซึ่งจะเป็นการบูรณาการการใช้ข้อมูลที่มีอยู่และแนวนโยบายของแต่ละกระทรวง ตลอดจนจะมีการลงพื้นที่ จริงรับฟังจากผู้เกี่ยวข้อง เพื่อนำไปสู่การร่างกฎหมายและการสร้างแผนต้นแบบ มีเครื่องมือหรือทางเลือก ให้แก่ประชาชนในพื้นที่ที่จะทำให้ประชาชนอยู่ได้โดยไม่สร้างมลพิษ โดยชุมชน อยู่ได้ ประชาชนอยู่ได้ ประเทศอยู่ได้
|