วันพฤหัสบดีที่ ๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ เวลา ๑๔.๑๐ นาฬิกา ณ จุดแถลงข่าว ชั้น ๑ อาคารรัฐสภา  
เกียกกาย  นพ.สุกิจ อัถโถปกรณ์ ที่ปรึกษาประธานสภาผู้แทนราษฎร แถลงข่าวถึงกรณีการประชุมสภา  
เมื่อวันที่ ๒๗ พ.ย. ๖๒  ที่มีการพิจารณาญัตติด่วนในกลุ่มให้ตั้งคณะกรรมาธิการศึกษาผลกระทบจาก 
ประกาศคำสั่งและการกระทำของคสช. ตามมาตรา ๔๔ ของรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว พ.ศ. ๒๕๕๗  
เมื่อการอภิปรายได้สิ้นสุดลงได้มีการลงมติว่าเห็นสมควรตั้งคณะกรรมาธิการหรือไม่ ซึ่งเสียงสนับสนุน 
ให้ตั้งคณะกรรมการ ๒๓๖ เสียง ในขณะที่ฝ่ายที่ไม่สนับสนุนได้ ๒๓๑ เสียง ต่างกัน ๕ เสียง โดยฝ่าย 
รัฐบาลได้อาศัยข้อบังคับการประชุมข้อที่ ๘๕ ที่ระบุว่า เมื่อมีการออกเสียงลงคะแนนตามข้อ ๘๓ (๑)  
คือการใช้เครื่องออกเสียงลงคะแนนตามที่ประธานกำหนดแล้ว ถ้าสมาชิกร้องขอให้มีการนับใหม่  
โดยมีผู้รับรองไม่น้อยกว่ายี่สิบคน ก็ให้มีการนับคะแนนเสียงใหม่ และให้เปลี่ยนวิธีการลงคะแนนเป็น 
วิธีตามข้อ ๘๓ (๒) คือ ให้เรียกชื่อสมาชิกตามหมายเลขประจำตัวสมาชิกให้ออกเสียงลงคะแนนเป็น 
รายคนตามวิธีที่ประธานกำหนด เว้นแต่คะแนนเสียงต่างกันเกินกว่ายี่สิบห้าคะแนนจะขอให้มีการนับ 
คะแนนเสียงใหม่ไม่ได้ เมื่อได้มีการออกเสียงลงคะแนนตามข้อ ๘๓ (๒) แล้ว จะขอให้มีการนับคะแนนเสียง 
ใหม่อีกไม่ได้ ซึ่งรัฐบาลเสนอให้นับคะแนนใหม่และมีผู้รับรองถูกต้องคือมากกว่า ๒๐ คน และคะแนนเสียง 
ต่างกัน ๕ คะแนนซึ่งไม่เกิน ๒๕ คะแนน เป็นไปตามข้อบังคับการประชุม โดยการนับคะแนนเสียงใหม่ 
คือการลงคะแนนใหม่โดยใช้วิธีเรียกชื่อเป็นรายบุคคล จึงเห็นได้ชัดว่าประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้ปฏิบัติ 
ตามรัฐธรรมนูญมาตรา ๑๑๙ ที่ระบุว่า ประธานสภาผู้แทนราษฎรมีหน้าที่และอำนาจดำเนินกิจการของ 
สภาให้เป็นไปตามข้อบังคับ อย่างถูกต้อง ไม่ได้เข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เมื่อมีการเสนอให้นับคะแนนใหม่ 
ตามข้อบังคับที่ ๘๕ ประธาน จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ต้องดำเนินการตามข้อบังคับ 
         |