|  
													
													
													
													 
 
													
											 | 
				
				 
					| 
											 | 
					 
												
							
							 
	
  
     
    วันพุธที่ 24 กรกฎาคม 2567 เวลา 13.00 นาฬิกา ณ ห้องแถลงข่าว ชั้น 1 อาคารรัฐสภา นายสฤษฏ์พงษ์ เกี่ยวข้อง ประธานคณะ กมธ.การแรงงาน  พร้อมด้วย นายประเสริฐพงษ์ ศรนุวัตร์  สส.พรรคก้าวไกล และนายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช อดีตผู้ช่วย รมว.ยุติธรรม ในฐานะที่ปรึกษาคณะกมธ. ร่วมกันแถลงข่าว เรื่อง การแก้ไขประมวลกฎหมายอาญาเกี่ยวกับการลงโทษ โดยการเปลี่ยนจากการกักขังแทนค่าปรับ เป็น การบำเพ็ญประโยชน์แทนค่าปรับ ถือเป็นทางเลือกของผู้กระทำผิดที่ถูกศาลพิพากษาลงโทษปรับ แต่ไม่มีเงินจ่ายค่าปรับ กฎหมายจึงมีทางเลือกให้ผู้กระทำผิดสามารถได้รับการกักขังแทนค่าปรับในอัตราวันละ 500 บาท เปลี่ยนเป็น การทำงานบริการสังคมให้แก่สังคม ชุมชน หรือองค์กรสาธารณกุศล ที่ไม่แสวงหาผลกำไรแทนการจ่ายค่าปรับได้ โดยที่ในการทำงาน บริการสังคม จะไม่ได้รับค่าตอบแทนหรือค่าจ้าง  โดยกฎหมายมีการบัญญัติรับรองไว้ในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 30 ในการกักขังแทนค่าปรับ ให้ถืออัตราห้าร้อยบาทต่อหนึ่งวัน และไม่ว่าในกรณีความผิดกระทงเดียวหรือหลายกระทง ห้ามกักขังเกินกำหนดหนึ่งปี เว้นแต่ในกรณีที่ศาลพิพากษาให้ปรับตั้งแต่สองแสนบาทขึ้นไป ศาลจะสั่งให้กักขังแทนค่าปรับเป็นระยะเวลาเกินกว่าหนึ่งปีแต่ไม่เกินสองปีก็ได้  สำหรับมาตรา 30/1 ที่วางหลักว่า กรณีที่ศาลพิพากษาปรับ ผู้ต้องโทษปรับไม่ใช่นิติบุคคลและไม่มีเงินชำระค่าปรับ อาจยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นที่พิพากษาคดีเพื่อขอทำงานบริการสังคมหรือทำงานสาธารณประโยชน์แทนค่าปรับ หรือหากในขณะพิพากษาคดีศาลเห็นว่า ผู้ต้องโทษปรับรายใดอยู่ในเกณฑ์ที่จะทำงานบริการสังคมหรือทำงานสาธารณประโยชน์ตามมาตรานี้ได้ และหากผู้ต้องโทษปรับยินยอม ศาลจะมีคำสั่งให้ผู้นั้นทำงานบริการสังคมหรือทำงานสาธารณประโยชน์แทนค่าปรับก็ได้ หากศาลพิจารณาแล้วมีคำสั่งอนุญาต ให้ผู้ต้องโทษไปรายงานตัวที่สำนักงานคุมประพฤติ จากนั้นจึงเริ่มทำงานบริการสังคม โดยการทำงานบริการสังคมแทนค่าปรับนี้จะใช้อัตรา วันละ 500 บาท หากศาลสั่งปรับ 5,000 บาท ต้องทำงานบริการสังคม 10 วันแทนการจ่ายค่าปรับทั้งหมด แต่การทำงาน 1 วัน ไม่ใช่ทำ 24 ชั่วโมง แต่จะขึ้นอยู่กับงานแต่ละประเภทว่าทำกี่ชั่วโมงจึงจะนับว่าทำงาน 1 วัน  อาทิ งานช่วยเหลือ ดูแล อำนวยความสะดวก หรือให้ความบันเทิงแก่คนพิการ คนชรา เด็ก และงานวิชาการหรืองานบริการด้านการศึกษา ทำ 2 ชั่วโมงจะนับเป็น 1 วัน งานวิชาชีพ งานช่างฝีมือ หรืองานที่ต้องใช้ความรู้ความเชี่ยวชาญเฉพาะ เช่น งานช่างต่างๆ  ทำ 3 ชั่วโมงจะนับเป็น 1 วัน ส่วนงานบริการสังคมหรือบำเพ็ญสาธารณประโยชน์อย่างอื่นที่ไม่ต้องใช้ความรู้ความเชี่ยวชาญ ทำ 4 ชั่วโมงจะนับเป็น 1 วัน  ซึ่งขณะนี้ สส. กำลังดำเนินการร่างกฎหมายแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 30 จากการกักขังแทนค่าปรับเป็นการบำเพ็ญประโยชน์แทนค่าปรับ เพื่อเป็นประโยชน์ต่อประชาชนวัยแรงงาน หรือเป็นหัวหน้าครอบครัวให้ไม่ต้องโดนกักขัง ไม่ทำให้ขาดรายได้  และ ไม่ทำให้เกิดปัญหาครอบครัว โดยจะนำเสนอต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรต่อไป 
         | 
   
 
								
								
								
								
								
								 | 
							
																	
																	
																	
																	
															 | 
					
					 
						|  
															 
  
															
   
     
       
         
           
             
               สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร  
                  ถนนประดิพัทธ์ แขวงพญาไท  
                   เขตพญาไท กรุงเทพฯ 10400 
                                    โทร : 0 2244 2500 
                  e-Mail : webmaster@parliament.go.th 
                   | 
             
             
               
																							
								
								| จำนวนผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ในหน้า | 
								 
								 								
								 
															ตั้งแต่วันที่ 24 มีนาคม 2562 
															 | 
             
          
          | 
       
        | 
       
          | 
       
          | 
       
          | 
     
  
  
													 |