วันพฤหัสบดีที่ 4 กรกฎาคม 2567 เวลา 15.00 นาฬิกา ณ ห้องแถลงข่าว ชั้น 1 อาคารรัฐสภา นายสิทธิพล วิบูลย์ธนากุล ประธานคณะกมธ.การพัฒนาเศรษฐกิจ และคณะ แถลงข่าว เกี่ยวกับผลกระทบของมาตราการแก้กฎหมายให้ชาวต่างชาติเช่าที่ดินได้นานขึ้นและถือกรรมสิทธิ์ห้องชุดได้เพิ่มขึ้น ตามที่รัฐบาลโดยมติ ครม. สั่งการให้กระทรวงมหาดไทยศึกษาความเป็นไปได้ในการพิจารณาทบทวนหลักเกณฑ์และกฎหมายที่เกี่ยวข้องกันการให้สิทธิคนต่างด้าวสามารถถือครองกรรมสิทธิ์ห้องชุดจากเดิมไม่เกินร้อยละ 49 เป็นไม่เกินร้อยละ 75 และพิจารณาทบทวนการกำหนดระยะเวลาของทรัพย์อิงสิทธิตามพระราชบัญญัติทรัพย์อิงสิทธิ พ.ศ. 2562 โดยกำหนดให้ทรัพย์อิงสิทธิ (การเช่า) มีกำหนดเวลาได้ไม่เกิน 99 ปี ผลของการมีมติ ครม. ดังกล่าวนำมาซึ่งเสียงเห็นด้วยและคัดค้านจากหลายฝ่าย วันนี้ (4 ก.ค. 67) คณะกมธ.จึงได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาชี้แจงทั้งหน่วยราชการ เอกชน ตลอดจนตัวแทนประชาชนและผู้บริโภค ทั้งนี้ คณะ กมธ.มีข้อสังเกตฝากไปยังรัฐบาล เพื่อตอบข้อกังวลเหล่านี้ก่อนออกมาตรการหรือแก้ใขกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย 5 ประเด็น คือ 1. มาตรการดังกล่าวช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจใด้เพียงใด เช่น ช่วยดึงดูดนักลงทุน การจ้างงานเพิ่มขึ้นเพียงใด 2. มาตรการนี้จะกระทบราคาและการเข้าถึงที่ดินของคนไทยเพียงใด 3. ปัจจุบันไม่มีการแก้กฎหมายที่มีบุคคลต่างด้าวที่ครอบครองที่ดินหรืออาคารชุด 4. จากการหารือและบทเรียนในต่างประเทศ พบว่าทุกประเทศนอกจากกำหนดมาตรการให้ต่างชาติเข้าถึงอสังหาริมทรัพย์ได้เพิ่มขึ้น ยังต้องมีมาตรการอื่น ๆ เพื่อรองรับอย่างเพียงพอ เช่น ในสหรัฐอเมริกา อังกฤษ สิงคโปร์ ญี่ปุ่น ฯลฯ ที่มีการเพิ่มหรือบังคับใช้ ภาษีที่ดิน ภาษีอสังหาริมทรัพย์ ภาษีค่าโอนที่อยู่อาศัย ภาษีบำรุงท้องที่ ฯลฯ สำหรับชาวต่างชาติในอัตราที่สูงกว่า 5. เพื่อให้การดำเนินนโยบายได้รับการยอมรับ รัฐบาลต้องตอบคำถามหรือคลายความกังวลสงสัยว่ามาตรการนี้มีผู้ได้รับประโยชน์ต่อกลุ่มเอกชนกลุ่มใดหรือไม่ |