วันอังคารที่ 14 พฤษภาคม 2567 เวลา 13.30 นาฬิกา ณ ห้องแถลงข่าว ชั้น 1 อาคารรัฐสภา นายจิตติพจน์ วิริยะโรจน์ ประธานคณะอนุ กมธ.การเงิน การคลัง ในคณะ กมธ.การเงิน การคลัง สถาบันการเงินและตลาดการเงิน และคณะ แถลงข่าว ผลการประชุมคณะอนุ กมธ.ร่วมกับผู้แทนจากกรมสรรพสามิต กรมศุลกากร การยาสูบแห่งประเทศไทย ภาคีเครือข่ายชาวไร่ยาสูบแห่งประเทศไทย และสมาคมอนุรักษ์ยาเส้นพื้นเมืองไทย จำนวน 16 ครั้ง ในรอบ 6 เดือน เพื่อให้การพิจารณาศึกษาปัญหาราคายาสูบและยาเส้นตกต่ำให้เป็นไปอย่างรอบคอบในทุกมิติอันจะเป็นการบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนให้กับเกษตรกรผู้ปลูกยาสูบเพื่อให้มีรายได้เพียงพอในการดำรงชีวิต ซึ่งสรุปผลการพิจารณาได้ดังนี้ 1. การยาสูบแห่งประเทศไทยได้ดำเนินการตามข้อเสนอแนะของคณะอนุ กมธ. คือ 1.1) ปรับขึ้นราคารับซื้อใบยาสูบภายในประเทศให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกใบยาสูบทุกสายพันธุ์โดยเฉลี่ยในอัตราร้อยละ 10 ตั้งแต่วันที่ 20 มี.ค. 67 1.2) ปรับเพิ่มโควตารับซื้อใบยาสูบภายในประเทศให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกใบยาสูบให้มากขึ้น 1.3) สนับสนุนปัจจัยการผลิตยาสูบสำหรับฤดูการผลิตปี 2566/2567 ให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกใบยาสูบเพิ่มขึ้น 2. กรมสรรพสามิตได้ดำเนินการศึกษาและจัดทำแนวทางการปรับอัตราภาษีสรรพสามิตสำหรับยาสูบใหม่เพื่อลดภาระให้กับเกษตรกรเสนอผู้มีอำนาจเพื่อพิจารณาต่อไป 3. กรมศุลกากรได้ดำเนินการจัดทำแผนแนวทางการปฏิบัติการร่วมกันในการป้องกันและปราบปรามการลักลอบนำเข้าบุหรี่ผิดกฎหมายและบุหรี่ไฟฟ้าอย่างเป็นรูปธรรม คณะอนุ กมธ.ได้มีข้อเสนอแนะเพิ่มเติมให้แก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้พิจารณาดำเนินการต่อไป เพื่อแก้ปัญหาให้ได้อย่างยั่งยืน ดังนี้ 1. คณะกรรมการการยาสูบแห่งประเทศไทย ควรพิจารณาขึ้นราคาใบยาสูบย้อนหลังถึงเดือน ม.ค.67 ให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกยาสูบ เพื่อเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่ยาสูบ 2. กรมศุลกากรและกรมสรรพสามิต ควรเร่งดำเนินการปราบปรามบุหรี่ผิดกฎหมายและบุหรี่ไฟฟ้าอย่างเป็นรูปธรรม เนื่องจากเป็นสาเหตุที่ทำให้ปริมาณการจำหน่ายบุหรี่ถูกกฎหมายลดลง และส่งผลกระทบต่อเกษตรกรผู้ปลูกยาสูบด้วย 3. กรมสรรพสามิต ควรทำการทบทวนปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตยาสูบใหม่ เนื่องจากการปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตยาสูบใหม่จะทำให้ราคาบุหรี่สูงขึ้น ซึ่งการปรับขึ้นอัตราภาษีสรรพสามิตยาสูบจะทำให้ผู้สูบบุหรี่ถูกกฎหมายลดลง แต่จะทำให้ผู้สูบบุหรี่หันไปสบบุหรี่ผิดกฎหมายและบุหรี่ไฟฟ้าชนิดใช้น้ำเพิ่มขึ้น ตลอดจนทำให้รายได้จากการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตยาสูบลดลง รวมทั้งทำให้การยาสูบแห่งประเทศไทยไม่สามารถจัดเก็บรายได้ตามเป้าหมายที่กำหนด และควรพิจารณาปรับเพิ่มจำนวน ของปริมาณการผลิตยาเส้นที่จัดเก็บอัตราภาษีตามปริมาณ เพื่อเป็นการช่วยเหลือกลุ่มอุตสาหกรรมยาเส้นในพื้นที่ต่างจังหวัดที่มีเงินลงทุนไม่มากนักด้วย
|