|  
													
													
													
													 
 
													
											 | 
				
				 
					| 
											 | 
					 
												
							
							 
	
  
     
    วันพฤหัสบดีที่ 18 เมษายน 2567 เวลา 11.40 นาฬิกา ณ ห้องแถลงข่าว ชั้น 1 อาคารรัฐสภา นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่หนึ่ง รับยื่นร่างพระราชบัญญัติการเรียกของคณะกรรมาธิการของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา พ.ศ. 
.  จาก นายรังสิมันต์ โรม ประธานคณะ กมธ. ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติ และการปฏิรูปประเทศ และคณะ โดยที่ร่าง พ.ร.บ. ดังกล่าวมีหลักการและเหตุผลเพื่อปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยคำสั่งเรียกของคณะกรรมาธิการของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา โดยที่บทบัญญัติของรัฐธรรมนูญบัญญัติให้คณะกรรมาธิการสามัญและวิสามัญของ สภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภามีอำนาจเรียกเอกสารจากบุคคลใด หรือเรียกบุคคลใดมาแถลงข้อเท็จจริง หรือแสดงความเห็นในกิจการที่กระทำหรือเรื่องที่พิจารณาสอบหาข้อเท็จจริงหรือศึกษาอยู่นั้นได้ และให้การเรียกดังกล่าวมีผลบังคับและสอดคล้อง ตามมาตรา 129 วรรคสี่ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 และเพื่อให้เป็นไปตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ 17/2563 ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการพิจารณา และการทำหน้าที่ของคณะกรรมาธิการ ทำให้มีประสิทธิภาพและได้รับข้อเท็จจริงที่ครบถ้วน จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ 
 
 นายปดิพัทธ์ สันติภาดา กล่าวภายหลังรับยื่นหนังสือว่า นายรังสิมันต์  โรม  ประธานคณะ กมธ. ความมั่นคงแห่งรัฐฯ ได้มายื่นหนังสือเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติการเรียกของคณะกรรมาธิการของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา พ.ศ. 
. และเมื่อที่ผ่านมา นายสฤษฏ์พงษ์ เกี่ยวข้อง สส.พรรคภูมิใจไทย ได้เคยยื่นเรื่องดังกล่าวมาแล้ว   เนื่องจากเจ้าหน้าที่ของรัฐใช้อำนาจเกินขอบเขต ทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน 
 
 ด้าน นายรังสิมันต์  โรม  กล่าวว่า ในนามคณะกมธ.ได้จัดทำร่างพระราชบัญญัติการเรียกของคณะกรรมาธิการของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา พ.ศ. 
. ซึ่งร่างดังกล่าวได้มีกฎหมายที่เกี่ยวข้องในทำนองเดียวกันอยู่แล้ว  แต่เนื่องจากได้ยื่นเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ และได้มีข้อวินิจฉัยว่าพระราชบัญญัติดังกล่าวเป็นกฎหมายที่ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญส่งผลให้การบังคับใช้ในกฎหมายดังกล่าวมีปัญหาทำให้การทำงานของคณะ กมธ. มีปัญหา ในการจะรวบรวมข้อมูลที่จะศึกษาและเสนอแนะไปยังรัฐบาลได้ และประเด็นที่เกี่ยวกับปัญหาและอุปสรรคกราบเรียน ประธานสภาผู้แทนราษฎร และได้มีการหารือกับประธานคณะ กมธ. จำนวน 35 คณะ เพื่อนำไปสู่การแก้ไข และเป็นไปตามมาตรา 129 วรรคสี่ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560  ทั้งนี้ ขอยืนยันว่าการใช้คำสั่งเรียกหากมีการเรียกในลักษณะกลั่นแกล้งผู้ที่ใช้คำสั่งเรียกดังกล่าวจะมีความผิดเช่นกัน  ซึ่งกฎหมายฉบับนี้จะเป็นประโยชน์ต่อคณะ กมธ. ซึ่งหวังว่าจะได้รับความร่วมมือที่ดีต่อไป 
         | 
   
 
								
								
								
								
								
								 | 
							
																	
																	
																	
																	
															 | 
					
					 
						|  
															 
  
															
   
     
       
         
           
             
               สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร  
                  ถนนประดิพัทธ์ แขวงพญาไท  
                   เขตพญาไท กรุงเทพฯ 10400 
                                    โทร : 0 2244 2500 
                  e-Mail : webmaster@parliament.go.th 
                   | 
             
             
               
																							
								
								| จำนวนผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ในหน้า | 
								 
								 								
								 
															ตั้งแต่วันที่ 24 มีนาคม 2562 
															 | 
             
          
          | 
       
        | 
       
          | 
       
          | 
       
          | 
     
  
  
													 |