วันพุธที่ 11 ตุลาคม 2566 เวลา 13.00 น. ณ จุดรับยื่นหนังสือ ชั้น 1 (โซนกลาง) อาคารรัฐสภา น.ส.เบญจา แสงจันทร์ รองประธานคณะกรรมาธิการกิจการศาล องค์กรอิสระ องค์กรอัยการ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน และกองทุน คนที่หนึ่ง และคณะ รับยื่นหนังสือจาก นายอัครินทร์ ต้นน้ำเพชร ผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนจากการดำเนินคดี บ้านบางกลอย เรื่อง ขอให้เร่งรัดแก้ไขปัญหาคดีความของชาวกะเหรี่ยงบ้านบางกลอย อำเภอแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี โดยไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการดำเนินคดีดังกล่าว ดังนี้ 1.ในชั้นพนักงานสอบสวนการดำเนินคดี ปรากฏว่าในการจัดทำบันทึกการจับกุมและสอบสวนคำให้การ เมื่อวันที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2564 แม้จะมีล่ามและทนายความที่พนักงานสอบสวนจัดหามาก็ตาม แต่ปรากว่าพวกเราไม่สามารถเข้าใจถึงกระบวนการดังกล่าว และล่ามไม่ได้แปลให้เข้าใจ ทั้งที่พวกเราตั้งใจให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา แต่กลับเป็นว่าในบันทึกการจับกุมได้มีการเขียนด้วยลายมือว่าให้การรับสารภาพ ซึ่งไม่เป็นความจริง และขณะที่มีการลงลายมือชื่อและลายนิ้วมือก็ไม่มีข้อความที่เขียนดังกล่าวปรากฏอยู่ในบันทึกการจับกุมแต่อย่างใด นอกจากนี้ เมื่อทนายความ ล่าม และผู้ได้รับความไว้วางใจจากพวกเราพยายามขอเข้ารับฟังการสอบสวนก็ไม่ได้รับอนุญาต ดังนั้นกระบวนการในชั้นสอบสวนจึงไม่น่าชอบด้วยกฎหมาย
2. ต่อมาเมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 เมื่อพนักงานสอบสวนได้เรียกให้พวกเราเข้ารับแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม พวกเราจึงยื่นคำให้การเพิ่มเติมเพื่อแก้ไขคำให้การที่ระบุว่ารับสารภาพเป็นให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา และได้ให้การเพิ่มเติมเพื่อได้เห็นถึงพฤติการณ์และเหตุผลต่างๆ เกี่ยวกับการดำเนินการที่เกี่ยวกับคดี
3. ในการดำเนินคดีนี้ปรากฏว่าในวันที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2564 ที่มีการจับกุมพวกเรานั้น ได้มีการจับตัวเยาวชนมาพร้อมกับผู้ใหญ่ด้วย และได้มีการดำเนินการทำบันทึกจับกุมสอบสวนโดยมิได้มีดำเนินการกระบวนการตามกฎหมายเด็กและเยาวชนแต่อย่างใด โดยในบันทึกระบุว่าอายุ 23 ปี ไม่มีการขอตรวจสอบบัตรประจำตัวประชาชน ทำให้เยาวชนนั้นถูกสอบสวนโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายและยังถูกนำตัวไปขังไว้ในเรือนจำ
ด้วยเหตุผลดังกล่าว พวกเราจึงเห็นว่าการดำเนินการของพนักงานสอบสวนไม่ก่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่พวกเรา โดยที่พระราชบัญญัติองค์กรอัยการและพนักงานอัยการ พ.ศ. 2553 มาตรา 21 ได้บัญญัติว่า พนักงานอัยการมีอิสระในการพิจารณาสั่งคดีและการปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญและตามกฎหมายโดยสุจริต ถ้าพนักงานอัยการเห็นว่าการฟ้องคดีอาญาจะไม่เป็นประโยชน์แก่สาธารณชน หรือจะมีผลกระทบต่อความปลอดภัยหรือความมั่นคงของชาติ หรือต่อผลประโยชน์อันสำคัญของประเทศ ให้เสนอต่ออัยการสูงสุด และอัยการสูงสุดมีอำนาจสั่งไม่ฟ้องได้ ทั้งนี้ ตามระเบียบที่สำนักงานอัยการสูงสุดกำหนด โดยความเห็นชอบของ ก.อ. (คณะกรรมการอัยการตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการฝ่ายอัยการ) ประกอบกับระเบียบสำนักงานอัยการสูงสุดว่าด้วยการสั่งคดีอาญาที่จะไม่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณชน หรือจะมีผลกระทบต่อความปลอดภัยหรือความมั่นคงของชาติ หรือต่อผลประโยชน์อันสำคัญของประเทศ พ.ศ. 2554 ได้กำหนดให้อำนาจอัยการในกรณีที่เห็นว่า คดีอาญาจะไม่เป็นประโยชน์แก่สาธารณชน หรือจะมีผลกระทบต่อความปลอดภัยหรือความมั่นคงของชาติ หรือต่อผลประโยชน์อันสำคัญของประเทศ โดยให้เสนอต่ออัยการสูงสุด และอัยการสูงสุดมีอำนาจสั่งไม่ฟ้องได้ ด้วยข้อกฎหมายและระเบียบของสำนักงานอัยการดังกล่าว พนักงานอัยการจึงมีอำนาจมีความเห็นสั่งไม่ฟ้องในคดีนี้ได้ ซึ่งจะเป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญและกฎหมาย หลักการคุ้มครองสิทธิมนุษยชน โดยเฉพาะสิทธิชนเผ่าพื้นเมือง ประกอบกับสิทธิในกระบวนการยุติธรรมที่ผู้ต้องหาหรือจำเลยมีสิทธิได้รับการสอบสวนหรือการพิจารณาคดีที่ถูกต้อง รวดเร็ว และเป็นธรรม มีโอกาสในการต่อสู้คดีอย่างเพียงพอ และมีสิทธิที่จะให้คดีของตนได้รับการพิจารณาอย่างถูกต้องและเป็นธรรม รวมถึงชุมชนกะเหรี่ยงบ้านบางกลอยนั้นได้รับการคุ้มครองตามมติคณะรัฐมนตรี วันที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2553 ว่าด้วยแนวนโยบายและหลักปฏิบัติในการฟื้นฟูวิถีชีวิตชาวกะเหรี่ยง เราจึงมีข้อเรียกร้องให้คณะกมธ. ดำเนินการ ดังนี้
1. เร่งรัดพิจารณาจัดทำความเห็นเพิ่มเติมไปยังอัยการสูงสุดเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ชาวกะเหรี่ยงบ้านบางกลอยที่ถูกดำเนินคดีทั้ง 29 คน เพื่อให้มีความเห็นสั่งไม่ฟ้องคดีที่สร้างผลกระทบต่อประชาชนและไม่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณชน ทั้งนี้เพื่อขจัดภาระทางคดีของประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากกฎหมายและนโยบายด้านป่าไม้-ที่ดิน และเปิดทางสู่การแก้ไขปัญหาด้านที่ดินทำกินของชาวบางกลอยต่อไป 2. ขอให้ ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันกฎหมายว่าด้วยการนิรโทษกรรมแก่ราษฎร ซึ่งได้รับความเสียหายหรือได้รับผลกระทบจากการดำเนินการตามนโยบายของรัฐ ให้มีผลบังคับใช้โดยเร็วที่สุด
นางสาวพนิดา มงคลสวัสดิ์ โฆษกคณะกมธ. กล่าวภายหลังรับยื่นหนังสือ ว่า คณะ กมธ.จะรับเรื่องความเดือดร้อนดังกล่าวเข้าประชุมคณะกมธ. โดยเชิญผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าร่วมชี้แจง และหาแนวทางแก้ไขปัญหากับประชาชนชาวบางกลอยต่อไป
|