นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช. คลัง ในฐานะ สส.พรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย สส.พรรคเพื่อไทยในทุกภูมิภาค ร่วมกันแถลงข่าวเกี่ยวกับการยื่นร่าง พ.ร.บ.อากาศสะอาดเพื่อสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน พ.ศ. ....

วันพุธที่ 27 กันยายน 2566 เวลา 16.30 นาฬิกา ณ ห้องแถลงข่าว ชั้น 1 อาคารรัฐสภา นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช. คลัง ในฐานะ สส.พรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย สส.พรรคเพื่อไทยในทุกภูมิภาค ร่วมกันแถลงข่าวเกี่ยวกับการยื่นร่าง พ.ร.บ.อากาศสะอาดเพื่อสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน พ.ศ. .... ซึ่งเป็นร่าง พ.ร.บ.เกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาฝุ่นควัน PM 2.5 เป็นหลัก ให้กับประเทศไทย โดยได้รับการมอบหมายโดยตรงจากนายกรัฐมนตรีที่ได้ให้ความสำคัญในเรื่องของปัญหาฝุ่น PM 2.5 และท่านได้ดำเนินภารกิจนี้ในลักษณะคู่ขนานเนื่องจากเป็นเรื่องที่ต้องดำเนินการผ่านสภา โดย สส. โดยเฉพาะจากภาคเหนือและ สส.พรรคเพื่อไทยที่เห็นถึงปัญหานี้และได้ร่วมกันลงลายมือชื่อเพื่อเข้าชื่อเสนอญัตติต่อประธานสภาผู้แทนราษฎรแล้วในช่วงเช้าวันนี้ และอีกด้านหนึ่งคือนายกรัฐมนตรีได้สั่งการโดยมอบหมายรองนายกรัฐมนตรีและ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อให้กระทรวงฯ นำเสนอ พ.ร.บ.อากาศสะอาดฯ ฉบับของภาครัฐต่อสภาผู้แทนราษฎรโดยเร็วเช่นเดียวกัน แต่วันนี้เมื่อเราในฐานะ สส. มีความพร้อมก่อนจึงได้ยื่นต่อประธานฯ เรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้ ในฐานะ สส. จะผลักดันให้ พ.ร.บ.อากาศสะอาด ไม่ว่าจะเป็นของภาคประชาชน พรรคการเมือง หรือของรัฐบาล สามารถเข้าสู่การบรรจุระเบียบวาระเพื่อให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาในวาระ 1 และตั้งคณะกรรมาธิการโดยเร็ว เนื่องจากวันนี้ปัญหาของพี่น้องประชาชนโดยเฉพาะเรื่องของอากาศบริสุทธิ์นั้นรอไม่ได้ สำหรับ พ.ร.บ. ฉบับนี้ได้ผลักดันมาตั้งแต่สมัยประชุมจากรัฐบาลก่อนหน้า โดยในครั้งนั้น นายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม สส.ในขณะนั้น ซึ่งปัจจุบันเป็นรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เป็นผู้นำเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎรในนามพรรคเพื่อไทย โดยในวันนั้นเราไม่มีอำนาจรัฐแต่วันนี้เราในฐานะที่เป็นพรรคการเมืองฝ่ายรัฐบาล เรามีความเชื่อมั่นจากการที่นายกรัฐมนตรีได้กล่าวหลายครั้งว่าเห็นความสำคัญของปัญหา เราจึงได้นำเสนอ พ.ร.บ.นี้มาอีกครั้ง พร้อมกับโครงสร้างที่มีการปรับเปลี่ยนและครอบคลุมมากยิ่งขึ้น ทั้งกลไกการแก้ไขปัญหาเรื่องอากาศสะอาด และกลไก PPP หรือ Polluter Pays Principle ซึ่งกลไกนี้จะช่วยให้ภาครัฐมีอาวุธไว้ใช้ในการจัดเก็บภาษี และทำโทษผู้ที่เผาก่อให้เกิดมลพิษต่าง ๆ อีกทั้งยังได้เพิ่มกลไกในเรื่องของหมอกควันข้ามแดน โดยในอนาคตหากมีบริษัทข้ามชาติที่อาจทำให้เกิดมลพิษ เราจะมีกลไกในการเข้าไปกำกับดูแลและทำโทษบริษัทนั้นได้ ซึ่งกลไกเหล่านี้จะเป็นกลไกที่สำคัญและเป็นเครื่องมือให้ภาครัฐหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาต่อไป นอกจากนี้ ยังยืนยันในเรื่องของอำนาจหน้าที่ของภาครัฐ เช่น การแจ้งเตือนภัยในกรณีที่มีอากาศเป็นมลพิษ การทำหน้าที่ของรัฐบาลซึ่งนายกรัฐมนตรีสนับสนุนมาตั้งแต่ต้นคือการนำปัญหานี้ไปอยู่ในเวทีระดับภูมิภาคและระดับโลก โดยนายกรัฐมนตรีจะหยิบยกประเด็นดังกล่าวไปพูดคุยกับต่างชาติ และด้วยกลไกของรัฐสภาและพลังของ สส. ทุกท่านที่เห็นความสำคัญของปัญหา พรรคเพื่อไทยจะเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาฝุ่นควันในประเทศไทยให้สำเร็จ