น.ส.ภัสริน รามวงศ์ สส.พรรคก้าวไกล และคณะ แถลงข่าวว่าพรรคก้าวไกลจะยื่นร่างแก้ไขประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1567 (2) ต่อสภาผู้แทนราษฎร

วันพุธที่ 27 กันยายน 2566 เวลา 13.00 นาฬิกา ณ ห้องแถลงข่าว ชั้น 1 อาคารรัฐสภา น.ส.ภัสริน รามวงศ์ สส.พรรคก้าวไกล และคณะ แถลงข่าวว่าพรรคก้าวไกลจะยื่นร่างแก้ไขประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1567 (2) ต่อสภาผู้แทนราษฎร เนื่องจากกฎหมายเดิมให้ผู้ปกครองมีสิทธิ์ลงโทษบุตรได้ตามสมควร เปิดช่องให้เกิดการทำร้ายเฆี่ยนตีจนเกิดอันตรายต่อเด็กการแก้เป็นการจำกัดสิทธิ์ในการลงโทษ ห้ามทารุณ ทำร้าย เฆี่ยนตี หรือทำโทษอันด้อยค่าบุตร โดยมุ่งหวังทำให้เด็กได้รับการปกป้องจากความรุนแรง และได้พัฒนาเต็มศักยภาพ ร่างกฎหมายนี้เป็นความตั้งใจของนายณัฐวุฒิ บัวประทุม สส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกลที่ได้ยกร่างกฎหมายฉบับนี้ขึ้น ภายหลังจากที่เห็นข่าวเด็ก 2 ขวบเสียชีวิตที่จังหวัดพิษณุโลก เนื่องจากถูกบิดาเลี้ยงทำร้ายจนกระทั่งถึงแก่ชีวิต ตลอดจนอีกหลายเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น ทั้งกรณีที่เด็กผู้หญิงอายุ 12 ขวบและ 4 ขวบถูกทำร้ายโดยใช้ไฟแช็คลนตามร่างกาย ซึ่งบางเหตุการณ์พ่อแม่เป็นผู้รับสารภาพเองว่าพลั้งมือทำร้ายตีลูกของตนเองจนกระทั่งถึงแก่ชีวิต บางคดีมีการทำร้ายอำพรางศพเด็ก สิ่งเหล่านี้เป็นความน่าสลดหดหู่ใจเป็นอย่างยิ่งที่เราได้เห็นตามภาพข่าวหรือสื่อต่าง ๆ เด็กถูกบิดา มารดา หรือผู้ปกครองทำร้ายด้วยความรุนแรงอยู่บ่อยครั้ง โดยเข้าใจว่าตัวบิดาหรือผู้ปกครองนั้นมีสิทธิ์ที่จะลงโทษบุตรดังที่ปรากฎในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ 1567 (2) ที่กำหนดและผู้ปกครองมีสิทธิ์ทำโทษบุตรเพื่อว่ากล่าวสั่งสอนตามสมควร สอดคล้องกับสุภาษิตในอดีตที่ว่า รักวัวให้ผูกรักลูกให้ตี ซึ่งแต่ละครั้งเหตุการณ์เหล่านี้การลงโทษทั้งโดยที่ตั้งใจหรือไม่ตั้งใจกลับกลายเป็นการทารุณ ส่งผลต่อร่างกายและจิตใจของเด็ก การเฆี่ยนตีอย่างไม่ยั้งหรือทำให้เด็กรู้สึกด้อยค่านั้น นำไปสู่ความบาดเจ็บเสียชีวิตและสำคัญส่งผลต่อพฤติกรรมเด็กในอนาคตที่อาจซึมซับพฤติกรรมการก่อความรุนแรงขึ้นได้ ทั้งนี้ กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้เคยยกร่างแก้ไขประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1567 (2) ไว้ในทำนองการจำกัดสิทธิ์ของผู้ปกครองในการลงโทษบุตรและทำการส่งเรื่องให้กับกระทรวงยุติธรรมพิจารณา เมื่อนานมาแล้วตั้งแต่ปี 2559 และขณะนี้ยังไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด เพราะฉะนั้น พรรคก้าวไกลจึงได้ยกร่างและรวบรวมรายชื่อ สส. ร่วมลงนามในการเสนอแก้ไขกฎหมายฉบับนี้ โดยเปลี่ยนถ้อยคำจากข้อความเดิมเป็นข้อความใหม่ ดังนี้ “ทำโทษบุตรเพื่อว่ากล่าวสั่งสอนตามสมควร แต่ต้องไม่เป็นการกระทำทารุณกรรม หรือทำร้ายร่างกาย หรือจิตใจไม่เป็นการเฆี่ยนตี หรือทำโทษอื่นใด อันเป็นการด้อยค่า” และจะนำร่างดังกล่าวฉบับแก้ไข ยื่นต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร โดยหวังว่าสภาผู้แทนราษฎรจะเร่งพิจารณาเพื่อแสดงถึงความตั้งใจในการปกป้องเด็กทุกคนจากความรุนแรงโดยเฉพาะความรุนแรงในครอบครัวและในบ้าน นอกจากจะเป็นการแก้ไขเพื่อป้องกันเด็กแล้ว กฎหมายนี้ยังสอดคล้องกับอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็กที่ประเทศไทยเป็นภาคีสมาชิกด้วย และข้อเสนอแนะของนานาประเทศต่อประเทศไทย ที่รัฐบาลใดยอมรับว่าจะปรับแก้ไขกฎหมายดังกล่าว แต่ขณะนี้ผ่านมาสองปีแล้วยังไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด