วันพฤหัสบดีที่ ๒๕ ธันวาคม ๒๕๕๗ เวลา ๑๔.๐๐ นาฬิกา ณ ห้องโถง อาคารรัฐสภา ๑ นายคำนูณ สิทธิสมาน โฆษกกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ แถลงข่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ครั้งที่ ๒๖ โดยที่ประชุมได้นำเสนอความคืบหน้าในการทำงานของคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ดังนี้

๑. พิจารณารายงานของคณะอนุกรรมาธิการพิจารณากรอบการจัดทำรัฐธรรมนูญคณะที่ ๓ พิจารณากรอบการจัดทำรัฐธรรมนูญในส่วนของภาค ๒ ผู้นำการเมืองที่ดี และสถาบันการเมือง หมวด ๒ แนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ โดยมีนายสุจิต บุญบงการ เป็นประธานอนุกรรมาธิการ ที่ประชุมได้มีการพิจารณาต่อเนื่องประเด็นที่ยังไม่ได้ข้อสรุป ซึ่งพิจารณาในหมวดแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ โดยให้ยึดรัฐธรรมนูญ ฉบับปี ๒๕๔๐ แต่ในบางประเด็นให้พิจารณาให้พิจารณาจาก รัฐธรรมนูญ ฉบับปี ๒๕๕๐ เช่น เรื่อง ศาสนา และปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง โดยคำนึงผลกระทบที่เกิดกับขึ้นกับประชาชน และได้มีการตั้งคณะทำงานขึ้นมาคณะหนึ่ง เพื่อพิจารณาหลักเกณฑ์การทำหนังสือสัญญากับต่างประเทศหรือองค์กรระหว่างประเทศ

๒. ที่ประชุมอยู่ระหว่างการพิจารณารายงานของคณะอนุกรรรมาธิการพิจารณากรอบการจัดทำรัฐธรรมนูญ คณะที่ ๗ พิจารณากรอบการจัดทำรัฐธรรมนูญในส่วนของภาค ๓ นิติธรรม ศาล และการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ หมวด ๑ ศาลและกระบวนการยุติธรรม โดยมีนายบรรเจิด สิงคะเนติ เป็นประธานอนุกรรมาธิการ (ในประเด็นที่ยังไม่ได้ข้อสรุป)

๓. กำหนดการจัดสัมมนาคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ และคณะอนุกรรมาธิการการมีส่วนร่วมและรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ในคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ เรื่อง "สานพลังเจ้าหน้าที่ของรัฐ ในการมีส่วนร่วมและรับฟังความคิดเห็นต่อการยกร่างรัฐธรรมนูญ" ที่จะมีขึ้นในวันศุกร์ที่ ๒๖ ธันวาคม ๒๕๕๗ ณ ห้องประชุมคณะกรรมาธิการ หมายเลข ๒๑๓ -๒๑๖ ชั้น ๒ อาคารรัฐสภา ๒ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสานพลังเจ้าหน้าที่ของรัฐในการมีส่วนร่วมและแสดงความคิดเห็นต่อการยกร่างรัฐธรรมนูญ และเพื่อจัดทำข้อเสนอเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาต่อคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ

๔. กำหนดการการประชาเสวนาหาทางออกเรื่อง "สานพลังประชาชนเพื่อปฏิรูปประเทศไทย" ในระหว่างวันที่ ๑๗ - ๑๘ มกราคม ๒๕๕๘ ณ โรงแรมสองพันบุรี จังหวัดสุพรรณบุรี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ประชาชนสามารถริเริ่มและมีส่วนร่วมแสดงความคิดเห็นและเข้าถึงกระบวนการร่างรัฐธรรมนูญ และเพื่อสร้างความรู้สึกในการเป็นเจ้าของร่วมกันในการร่างรัฐธรรมนูญ โดยผ่านกระบวนการเสวนารับฟังความคิดเห็น ทั้ง ๑๐ ครั้งทั่วประเทศไทย