วันอังคารที่ 26 เมษายน 2565 เวลา 10.00 นาฬิกา ณ ห้องรับรอง 302 ชั้น 3 อาคารรัฐสภา พล.ร.อ.อิทธิคมน์ ภมรสูต สมาชิกวุฒิสภา และประธานกลุ่มมิตรภาพสมาชิกรัฐสภาไทย-เกาหลีใต้ ให้การรับรองนายมุน ซึง-ฮย็อน (H.E. Mr. Moon Seoung-hyun) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเกาหลีประจำประเทศไทย ในโอกาสเข้ารับตำแหน่ง

พล.ร.อ.อิทธิคมน์ ภมรสูต กล่าวแสดงความยินดีในโอกาสที่เอกอัครราชทูตฯ เข้ารับตำแหน่ง และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าความสัมพันธ์ตลอดระยะเวลา 65 ปี จะแน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น ด้วยกลไกของกลุ่มมิตรภาพฯ และทางการทูต และในโอกาสที่สาธารณรัฐเกาหลีได้จัดการเลือกตั้งประธานาธิบดี เมื่อเดือน มี.ค. ที่ผ่านมา ขอแสดงความยินดีกับว่าที่ประธานาธิบดีที่ชนะการเลือกตั้ง โดยหวังว่าจะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศแน่นแฟ้นยิ่งขึ้นไป ทั้งทางด้านมิติของรัฐสภา มิติด้านการค้าการลงทุน และการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม ซึ่งทราบมาว่ามีการจัดตั้งกลุ่มมิตรภาพรัฐสภาเกาหลีใต้-ไทย เรียบร้อยแล้ว หากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 คลี่คลาย จะขอเชิญให้กลุ่มมิตรภาพฯ ทั้งสองประเทศมีการแลกเปลี่ยนการเยือนระหว่างกัน ทั้งนี้ ประเทศไทยได้เปิดเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC จึงขอเชิญชวนนักลงทุนของประเทศเกาหลี ซึ่งมีศักยภาพทางการลงทุนและนวัตกรรมมาลงทุนในประเทศไทย นอกจากนี้ จุดเด่นที่สำคัญอีกประการหนึ่งของประเทศเกาหลี คือ soft power หรือการทูตสาธารณะ โดยการเผยแพร่วัฒนธรรมผ่านซีรีส์และ K-pop ทำให้ประเทศเกาหลีเป็นที่รู้จักของสังคมโลก และหวังว่าประเทศเกาหลีจะให้คำแนะนำในการผลักดันเรื่องดังกล่าวกับประเทศไทย สำหรับในเดือน ต.ค. 65 รัฐสภาไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมรัฐสภาภาคพื้นเอเชียและแปซิฟิก (APPF) ในการนี้ขอเชิญชวนผู้แทนจากรัฐสภาสาธารณรัฐเกาหลีมาเข้าร่วมประชุม

โดย เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเกาหลีประจำประเทศไทย ได้กล่าวขอบคุณประธานกลุ่มมิตรภาพฯ ที่ให้โอกาสมาเข้าพบในวันนี้ และได้พูดคุยในหลาย ๆ ประเด็น ซึ่งเป็นหัวข้อที่น่าสนใจเป็นอย่างมากอันเป็นส่วนสำคัญในผลักดันให้เกิดการพัฒนาและความร่วมมือของทั้งสองประเทศได้ในอนาคต และในมุมมองของนักลงทุนประเทศเกาหลี ประเทศไทยมีศักยภาพในด้านเทคโนโลยีจึงมีความสนใจที่จะมาร่วมลงทุน โดยเฉพาะใน EEC สำหรับประเด็นด้านการทูตสาธารณะ การเปิดโอกาสให้ศิลปินมีอิสระทางความคิดและความเป็นประชาธิปไตยเป็นส่วนสำคัญในการสร้างสรรค์ผลงานในระดับโลก ซึ่งประเทศไทยมีศิลปินที่มีศักยภาพและน่าชื่นชมหลายท่าน โดยท่านนายกรัฐมนตรีได้หารือในประเด็นการพัฒนา soft power ซึ่งตนกำลังหาแนวทางที่จะสามารถเชื่อมโยงและพัฒนา soft power ของทั้งสองประเทศไปด้วยกัน ทั้งนี้ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าหากสถานการณ์ต่าง ๆ คลี่คลาย กลุ่มมิตรภาพฯ จะเดินทางไปเยือนประเทศเกาหลี เพื่อแลกเปลี่ยนการเยือนและกระชับความสัมพันธ์ในระดับรัฐสภาของทั้งสองประเทศเช่นกัน