กลับหน้าหลัก

เมนูหลัก


 ปฏิทินกิจกรรม
« พฤศจิกายน 2567 »
อา. จ. อ. พ. พฤ. ศ. ส.
      1 2
3 4 5 6 7 8 9
10 11 12 13 14 15 16
17 18 19 20 21 22 23
24 25 26 27 28 29 30
ดูปฏิทินทั้งหมด
 
                                 อ่านทั้งหมด...

วีดิทัศน์สำนักงานฯ



  • ประกวดนวัตกรรมเพื่อการพัฒนาประชาธิปไตย ๒๕๖๔    download_icon

  • ๗๐ ปี แห่งสมาชิกภาพของรัฐสภาไทยในสหภาพรัฐสภา    download_icon

  • เล่าเรื่องในหลวง ร.๙ ภายใน ๒ นาที    download_icon

  • วีดิทัศน์เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้า    download_icon

  • สารานุกรมฉบับเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนฯ    download_icon

 แสดงทั้งหมด...

จำนวนผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์
ห้องข่าว >> ภาพข่าว >> ภาพข่าวสำนักงานฯ
เสวนาโต๊ะกลม "วิสัยทัศน์ ทิศทางและอนาคตของประเทศไทยในการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนในบริบทของฝ่ายนิติบัญญัติ

๏ฟฝัน๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ 24 ๏ฟฝ.๏ฟฝ. 2558

วันจันทร์ที่ ๒๔ สิงหาคม ๒๕๕๘ เวลา ๑๐.๔๕ นาฬิกา ณ C asean อาคารไซเบอร์เวิลด์ กรุงเทพฯ ได้มีการเสวนาโต๊ะกลมเรื่อง "วิสัยทัศน์ ทิศทาง และอนาคตของประเทศไทยในการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนในบริบทของฝ่ายนิติบัญญัติ" โดยมี นายเกริกไกร จีระแพทย์ ประธาน กมธ.ปฏิรูปการเกษตร อุตสาหกรรม พาณิชย์ การท่องเที่ยว และบริการ สปช. พลอากาศเอก ชนะ อยู่สถาพร ประธานคณะ กมธ.การเศรษฐกิจ การเงิน และการคลัง สนช. นายเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ประธาน กมธ.ปฏิรูปค่านิยม ศิลปะ วัฒนธรรม จริยธรรม และการศาสนา สปช. นายสมพร เทพสิทธา รองประธานคณะ กมธ.การศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรม และการท่องเที่ยว สนช. ร่วมเสวนา และนางสาวสุภาสินี ขมะสุนทร รองเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ดำเนินการเสวนา
นายเกริกไกร จีระแพทย์ ได้กล่าวถึงอาเซียนที่มีความสำคัญต่อการปฏิรูปในด้านต่าง ๆ และยังเป็นเครื่องมือรวมทั้งเป้าหมายทางยุทธศาสตร์ของประเทศ ซึ่งการเป็นประชาคมอาเซียนนั้นจะทำให้ประเทศไทยมีอำนาจในการต่อรองกับประเทศอื่น ๆ ได้ ทั้งนี้อาเซียนจะประสบความสำเร็จได้นั้น สถาบันการเมืองจะต้องเข้าใจและให้ความสำคัญกับอาเซียน ซึ่งหากไม่มีอาเซียนแล้ว การปฏิรูปประเทศก็จะไม่ก้าวหน้า ทั้งนี้หัวใจสำคัญคือการพร้อมที่จะอยู่ร่วมกันอย่างสันติ และแข่งขันกันอย่างเป็นมิตร ซึ่งการที่ประเทศไทยถูกล้อมรอบไปด้วยประเทศอาเซียนนั้นจึงทำให้เราปรารถนาที่จะเป็นศูนย์กลางของอาเซียน และการที่เราจะเป็นศูนย์กลางของอาเซียนและมีความสามารถในการแข่งขันได้นั้น ประเทศไทยจะต้องมีนโยบายทางเศรษฐกิจที่ดี มีการเปิดเสรี  อีกทั้งต้องมีระบบการเมืองที่มีเสถียรภาพและนักการเมืองที่มีความสมารถ ตลอดจนช่วยเกื้อหนุนเศรษฐกิจของประเทศเพื่อนบ้านให้มีความสามารถในการผลิตและจะได้มาซื้อสินค้าของไทย รวมทั้งมีการเชื่อมโยงถึงกันเสมือนญาติที่ต้องมีการอาศัยซึ่งกันและกันได้
พลอากาศเอก ชนะ อยู่สถาพร ได้กล่าวว่า เศรษฐกิจอาเซียนเป็นอำนาจต่อรอง ดังนั้นจึงไม่ควรคิดว่าประเทศไทยจะได้หรือเสียเปรียบอะไรบ้าง จึงควรมีการเสียสละซึ่งกันและกัน ถ้ารวมอาเซียนกันได้ ประเทศไทยจะได้รับประโยชน์อย่างมาก เพราะประเทศไทยจะเป็นศูนย์กลางในการขนส่งสินค้าด้านต่างๆ โดยการส่งออกมีความสำคัญ รวมทั้งเป็นปัจจัยสำคัญมาก โดยเฉพาะด้านการท่องเที่ยวและการค้าชายแดน ดังนั้นจึงได้ให้ความสำคัญกับการเข้าสู่อาเซียนอย่างยั่งยืน และสนช.จะเป็นหลักสำคัญในการทำงาน เพื่อผลประโยชน์ของประเทศเป็นสำคัญ โดยเฉพาะด้านการค้าชายแดน ซึ่งหากมีการจัดระเบียบภายใต้แผนอาเซียน ก็จะทำให้ประสบผลสำเร็จได้
นายเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ กล่าวถึงความสำคัญทางด้านวัฒนธรรมความเป็นอยู่ของประเทศต่าง ๆ ในอาเซียน โดยได้มีการเปิดวิดีทัศน์เรื่องเขียนแผ่นดินสุวรรณภูมิ นำเสนอวัฒนธรรมและความเป็นอยู่ของไทยและเวียดนาม ซึ่งคำว่าสุวรรณภูมินั้น หมายถึงแผ่นดินทอง คือแผ่นดินของอาเซียนทั้งหมด โดยหากรวมกันได้จริงแล้วจะเป็นอีกขั้วหนึ่งของโลกที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง ทั้งนี้ได้กล่าวว่าประเทศอาเซียนมีความเป็นตัวตนของตนเองที่เด่นชัด แต่เราไม่เคยไปรู้จักหรือเข้าใจเขา ดังนั้นเราจะต้องเข้าใจเขาเสียก่อน การเข้าใจในที่นี้คือการเข้าไปอยู่ในใจของเขา โดยได้เสนอให้ทุกประเทศในอาเซียนเชิญศิลปินของประเทศตนเองมาร่วมทำงานศิลปะและนำกลับมาถ่ายทอดในประเทศของตนเอง ซึ่งจะทำให้แต่ละประเทศได้เห็นศิลปวัฒนธรรมของชาติอื่น ๆ ด้วย และทำให้เขาเข้าใจประเทศอาเซียนด้วยการถ่ายทอดของศิลปิน จนทำให้เกิดการไว้เนื้อเชื่อใจและความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในอาเซียนต่อไป
นายสมพร เทพสิทธา  กล่าวว่า ขณะนี้ประเทศไทยกำลังอยู่ในภาวะจุดเปลี่ยน ซึ่งจะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น หรือแย่ลง นั้น ประชาคมอาเซียนจะเป็นโอกาสของไทย ทั้งนี้หากประเทศไทยมีความพร้อมใน ๓ ด้าน คือ ด้านการเมือง ความมั่นคง ด้านเศรษฐกิจ และด้านสังคมวัฒนธรรม โดยเฉพาะด้านสังคมวัฒนธรรม จะต้องเป็นสังคมที่มีความเอื้ออาทรต่อกันเพราะจะทำให้ความขัดแย้งของคนในชาติลดลงหรือหมดไป โดยน้อมนำเอาคุณธรรม ๔ ประการของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ที่มอบให้กับคนไทย เมื่อวันที่ ๙ มิ.ย.๔๙ นำมาเป็นคุณธรรมประจำชาติคือ
๑. มีความเมตตาและปรารถนาดีต่อกัน
๒. มีความสามัคคี
๓. มีความสุจริต จริงใจ และมีความบริสุทธิ์ใจต่อกัน
๔. มีความเที่ยงธรรม ไม่มีอคติต่อกัน โดยหากรัฐบาลนำคุณธรรมของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ มาใช้ ก็จะทำให้เกิดอัตลักษณ์ของสังคมคือประชาสังคมที่มีความเอื้ออาทรและมีการพัฒนาจิตใจ นอกจากนี้ควรเน้นการศึกษาเพื่อนำความรู้ไปประกอบอาชีพ และมีศาสนาเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ ทั้งนี้ ศาสนาจะมีบทบาทสำคัญที่สุดที่จะทำให้คนเอื้ออาทรต่อกัน ดังนั้นรัฐบาลของกลุ่มประเทศอาเซียนและทุกภาคส่วนในอาเซียนต้องมีนโยบายที่ชัดเจนเพื่อให้เกิดความเข้าใจอันดี โดยต้องนำศาสนามาสร้างสรรค์ และผู้นำศาสนาก็ต้องเข้ามามีส่วนร่วมด้วยเพื่อสร้างคนให้มีคุณภาพและคุณธรรม สร้างประชาชาติให้มั่นคง และมั่งคั่ง เพื่อสันติภาพและสันติสุขต่อไป


download download Download all images download
รัฐธรรมนูญ ๒๕๖๐ ข้อบังคับสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ พ.ศ. ๒๕๕๘ ร้องเรียน/ร้องทุกข์ กฎหมายในกลุ่มอาเซียน ห้องข่าว
หอสมุดรัฐสภา กองทุนเพื่อผู้เคยเป็นสมาชิกรัฐสภา มาตรฐานการบำรุงรักษาอุปกรณ์ไอที สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ระบบซ่อมบำรุงอุปกรณ์ไอที สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา สโมสรรัฐสภา
เงินอุดหนุนการวิจัย ของที่ระลึกของรัฐสภา Web Mail รางวัลพานแว่นฟ้า บทความเกี่ยวกับคดีของศาลปกครอง
โครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ วารสารทรัพยากรบุคคลรัฐสภา ระบบสมุดโทรศัพท์ สผ. บน Smart Phone ติดต่อรัฐสภา
ศูนย์การจัดการความรู้ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ระบบ Intranet PMQA องค์กร สำนักงบประมาณของรัฐสภา การประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงาน
รัฐสภาสีขาว เงินทุนหมุนเวียนเพื่อให้ข้าราชการสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรกู้ยืมเพื่อชำระหนี้สิน ชมรมรัฐสภาอาสา
สงวนลิขสิทธิ์โดยสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ถนนประดิพัทธ์ แขวงพญาไท เขตพญาไท กรุงเทพฯ ๑๐๔๐๐
โทร. ๐ ๒๒๔๔ ๒๕๐๐ email : webmaster@parliament.go.th http://www.parliament.go.th