|
|
ห้องข่าว >> ภาพข่าว >> ภาพข่าวสภาผู้แทนราษฎร |
นายชลน่าน ศรีแก้ว ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และ ส.ส. พรรคฝ่ายค้าน ประกอบด้วย พรรคก้าวไกล พรรคประชาชาติ และพรรคเสรีรวมไทย แถลงข่าว
๏ฟฝัน๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ 7 ๏ฟฝ.๏ฟฝ. 2566
|
วันพุธที่ 7 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา 14.10 นาฬิกา ณ จุดรับยื่นหนังสือ ชั้น 1 (โซนกลาง) อาคารรัฐสภา นายชลน่าน ศรีแก้ว ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และ ส.ส. พรรคฝ่ายค้าน ประกอบด้วย พรรคก้าวไกล พรรคประชาชาติ และพรรคเสรีรวมไทย แถลงข่าว ขอให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรเสนอเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยว่าความเป็นรัฐมนตรีของนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม สิ้นสุดลงเฉพาะตัว ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยมาตรา 170 (5) ประกอบมาตรา 187 โดยมีนายสุกิจอัถโถปกรณ์ ที่ปรึกษาประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นตัวแทน นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นผู้รับมอบ
ด้วยปรากฎข้อเท็จจริงว่านายศักดิ์สยาม ชิดชอบ ก่อนเข้ารับตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 25 พ.ค. 62 และก่อนเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เมื่อวันที่ 10 ก.ค. 62 มีอาชีพประกอบกิจการรับเหมาก่อสร้างจดทะเบียนเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัด บุรีเจริญคอนสตรัคชั่น โดยมีตำแหน่งเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการและมีอาชีพประกอบกิจการทำโรงโม่หิน ได้จดทะเบียนจัดตั้งเป็นบริษัทศิลาชัย บุรีรัมย์ (1991) จำกัด โดยเป็นกรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทนบริษัท ต่อมาได้ลาออกจากการเป็นกรรมการบริษัทเมื่อ วันที่ 9 เม.ย. 62 ส่วนห้างหุ้นส่วนจำกัด บุรีเจริญ คอนสตรัคชั่น นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ ได้ทำการโอนหุ้นในห้างหุ้นส่วนจำกัด บุรีเจริญคอนสตัคชั่นให้กับนายศุภวัฒน์ เกษมสุทธิ์ เมื่อวันที่ 26 ม.ค. 61 จำนวน 119,500,500 บาท แต่จากข้อมูลและพยานหลักฐานน่าเชื่อว่าการโอนหุ้นในห้างหุ้นส่วนจำกัด บุรีเจริญคอนสตัคชั่น ให้กับนายศุภวัฒน์ เกษมสุทธิ์ ดังกล่าวเป็นนิติกรรมอำพรางหรือเป็นการแสดงเจตนาลวง เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญและกฎหมายที่กำหนดห้ามผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีเป็นหุ้นส่วนหรือผู้ถือหุ้นในห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทคงไว้ซึ่งความเป็นหุ้นส่วนหรือผู้ถือหุ้นในห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทเกินกว่าจำนวนที่กำหนดไว้ โดยแท้จริงแล้ว นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ ยังคงไว้ซึ่งความเป็นหุ้นส่วนในห้างหุ้นส่วนจำกัดบุรีเจริญคอนสตัคชั่น จำนวน 119,500,000 บาท ดังกล่าวโดยไม่เปลี่ยนแปลง การโอนหุ้นส่วนของตนให้นายศุภวัฒน์ เกษมสุทธิ์ เป็นเพียงการให้ถือหุ้นแทนเท่านั้น นาย ศักดิ์สยาม ชิดชอบ ยังคงเป็นเจ้าของและเป็นหุ้นส่วนในห้างหุ้นส่วนจำกัดบุรีเจริญคอนสตรัคชั่นและมีอำนาจบริหารกิจการของห้างหุ้นส่วนจำกัดบุรีเจริญคอนสตรัคชั่นในทางข้อเท็จจริงอย่างต่อเนื่องมา การกระทำของนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ ดังกล่าวจึงเป็นการต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยมาตรา 187 ประกอบมาตรา 4 (1) แห่งพระราชบัญญัติการจัดการหุ้นส่วนและหุ้นของรัฐมนตรี พ.ศ.2543 จึงทำให้ความเป็นรัฐมนตรีของนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมสิ้นสุดลงเฉพาะตัว ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 170 (5) สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรผู้มีรายชื่อท้ายคำร้องนี้ซึ่งมีจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสิบของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร ขอใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยมาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 เข้าชื่อร้องต่อประธานสภาผู้แทนราษฎรเพื่อขอให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรได้โปรดเสนอเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยว่าความเป็นรัฐมนตรีของนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมสิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 170 (5) ประกอบมาตรา 187 ด้วยข้อเท็จจริงและเหตุผลตามที่ปรากฎย่อมทำให้เชื่อได้ว่าการโอนหุ้นในห้างหุ้นส่วนจำกัดบุรีเจริญคอนสตรัคชั่นระหว่างนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ กับนายศุภวัฒน์ เกษมสุทธิ์ ไม่ได้เกิดขึ้นจริงแต่เป็นเพียงการทำนิติกรรมอำพรางหรือการแสดงเจตนาลวงของบุคคลทั้งสองเท่านั้น เมื่อนิติกรรมการโอนหุ้นดังกล่าวไม่มีผลทางกฎหมายสัญญาการโอนหุ้นฉบับลงวันที่ 26 ม.ค. 61 ดังกล่าวจึงเป็นโมฆะ ดังนั้นหุ้นในห้างหุ้นส่วนจำกัดบุรีเจริญคอนสตรัคชั่นจำนวนมูลค่า 119,499,000 บาท ยังเป็นของนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ มิใช่ของนายศุภวัฒน์ เกษมสุทธิ์ และถือได้ว่านายศุภวัฒน์ เกษมสุทธิ์ มีสถานะเป็นเพียงตัวแทนหรือนอมินีในการครอบครองดูแลหุ้น ผู้ถูกใช้ หรือผู้ถูกรับมอบหมายจากนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ให้ดำเนินการแทนเท่านั้น แท้จริงแล้ว นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ ยังคงเป็นผู้ถือหุ้นและเป็นเจ้าของห้างหุ้นส่วนจำกัดบุรีเจริญ คอนสตรัคชั่นมาโดยตลอด โดยที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 มาตรา 187 ประกอบพระราชบัญญัติการจัดการหุ้นส่วนและหุ้นของรัฐมนตรี พ.ศ. 2543 ที่ห้ามรัฐมนตรีเป็นหุ้นส่วนหรือผู้ถือหุ้นในห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทหรือคงไว้ซึ่งความเป็นหุ้นส่วนหรือผู้ถือหุ้นในห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทตามจำนวนที่กำหนดไว้นั้นก็เพื่อป้องกันมิให้รัฐมนตรีใช้ตำแหน่งหน้าที่เพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับกิจการของห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทอันจะเป็นการกระทำอันเป็นการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนรวมและประโยชน์ส่วนตน ซึ่งข้อห้ามดังกล่าวให้ใช้บังคับกับคู่สมรสและบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะของรัฐมนตรี และการถือหุ้นของรัฐมนตรีที่อยู่ในความ ครอบครองหรือดูแลของบุคคลอื่น ไม่ว่าในทางใดๆ ด้วย ซึ่งในกรณีของนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีกระทรวงคมนาคม นั้น เมื่อปรากฎข้อเท็จจริงว่านายศักดิ์สยาม ชิดชอบ ยังคงไว้ซึ่งความเป็นหุ้นส่วนในห้างหุ้นส่วนจำกัดบุรีเจริญคอนสตรัคชั่น ที่อยู่ในความครอบครองหรือดูแลของนายศุภวัฒน์ เกษมสุทธิ์ อันจะทำให้นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เข้าไปเกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการหุ้นหรือกิจการของห้างหุ้นส่วนจำกัดดังกล่าวได้ ต่อมาเมื่อวันที่ 10 ก.ค. 62 นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ ได้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ ต้องปฏิบัติตามพระราชบัญญัติการจัดการหุ้นส่วนและหุ้นของรัฐมนตรี พ.ศ.2543 แต่เมื่อนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ ยังคงไว้ซึ่งหุ้นส่วนในห้างหุ้นส่วนจำกัดบุรีเจริญคอนสตรัคชั่นตลอดมา โดยให้นายศุภวัฒน์ เกษมสุทธิ์ เป็นผู้ถือหุ้นแทน การกระทำของนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ จึงเป็นการต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 187 ประกอบมาตรา 4 (1 ) แห่งพระราชบัญญัติการจัดการหุ้นส่วนและหุ้นของรัฐมนตรี พ.ศ.2553 ดังนั้น นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมยังคงไว้ซึ่งหุ้นส่วนและยังคงเป็นผู้ถือหุ้นและเป็นเจ้าของห้างหุ้นส่วนจำกัดบุรีเจริญคอนสตรัคชั่นอย่างแท้จริงดังกล่าว ถือเป็นการกระทำอันเป็นการต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 187 ประกอบมาตรา 4 (1) แห่งพระราชบัญญัติการจัดการหุ้นส่วนและหุ้นของรัฐมนตรี พ.ศ. 2543 จึงทำให้ความเป็นรัฐมนตรีของนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมสิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 170 (5) ประกอบมาตรา 187 ตั้งแต่วันที่ 10 ก.ค. 62 ซึ่งเป็นวันที่ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ ได้รับโปรดเกล้าฯแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมแล้ว จึงกราบเรียนมายังประธานสภ าผู้แทนราษฎรตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 เพื่อขอได้โปรดส่งคำร้องนี้ไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณาวินิจฉัยว่าความเป็นรัฐมนตรีของนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม สิ้นสุดลงเฉพาะตัว ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 170 (5) ประกอบมาตรา 187 ต่อไป
ด้าน นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ส.ส.พรรคก้าวไกล กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวเป็นการตรวจสอบการทำงานฝ่ายบริหาร ตามกระบวนการประชาธิปไตย ไม่ได้เป็นการกลั่นแกล้งแต่อย่างใด หรืออคติ
พล.ต.อ.ทวี สอดส่อง ส.ส.พรรคประชาชาติ กล่าวเพิ่มเติมว่า ข้อมูลทั้งหมดที่ปรากฏอยู่มีหลักฐานชัดเจน เป็นเรื่องของการขัดกันแห่งผลประโยชน์ตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติ ฝ่ายค้านจึงจำเป็นต้องทำหน้าที่ในการตรวจสอบเพื่อให้เป็นไปตามหลักนิติธรรม |
|
|
สงวนลิขสิทธิ์โดย สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ๑๑๑๑ ถ.สามเสน แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต กรุงเทพฯ ๑๐๓๐๐
Call Center ๑๗๔๓ โทรศัพท์ ๐ ๒๒๔๒ ๕๙๐๐ โทรสาร ๐ ๒๒๔๒ ๕๙๙๐
e-Mail : webmaster@parliament.go.th [ คลิกดูแผนที่]
|
|
|
|