นายธีรัจชัย พันธุมาศ โฆษกคณะ กมธ.การป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ รับยื่นหนังสือจาก นายพงศ์พันธ์ ยอดเมืองเจริญ ผู้แทนกลุ่มผู้สมัครเข้ารับการคัดเลือกเป็นเลขาธิการคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า (กขค.) ที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม

วันพุธที่ 1 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา 10.00 นาฬิกา ณ จุดรับยื่นหนังสือ ชั้น 1 (โซนกลาง) อาคารรัฐสภา นายธีรัจชัย พันธุมาศ โฆษกคณะ กมธ.การป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ รับยื่นหนังสือจาก นายพงศ์พันธ์ ยอดเมืองเจริญ ผู้แทนกลุ่มผู้สมัครเข้ารับการคัดเลือกเป็นเลขาธิการคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า (กขค.) ที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม เรื่อง ขอร้องเรียนคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้าปฏิบัติหน้าที่อย่างไม่เป็นธรรมในการคัดเลือกเลขาธิการ กขค. คนใหม่ เข้าข่ายปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157

ด้วย กลุ่มผู้สมัครเข้ารับการคัดเลือกที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมขอร้องเรียน กขค. ว่ามีการปฏิบัติหน้าที่อย่างไม่เป็นธรรมในการคัดเลือกเลขาธิการ กขค. คนใหม่ โดยการปรับลดคุณสมบัติเฉพาะเพื่อเอื้อประโยชน์ให้ผู้สมัครบางราย โดยมีกรรมการเสียงข้างมาก 4 คนจากกรรมการทั้งหมด 7 คน มีการกระทำที่เข้าข่ายผิดกฎหมายอาญามาตรา 157 โดยการปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ซึ่งมีข้อเท็จจริง ดังนี้
การปรับลดหลักเกณฑ์คุณสมบัติผู้สมัครเฉพาะผู้ที่ทำงานด้านธุรกิจ โดยลดระยะเวลาการมีประสบการณ์การทำงานจากหลักเกณฑ์เดิมไม่น้อยกว่า 10 ปี ที่คณะกรรมการกำหนดตามมาตรา 31 แห่ง พ.ร.บ.การแข่งขันทางการค้า พ.ศ. 2560 ให้เหลือไม่น้อยกว่า 5 ปี โดยไม่มีเหตุผล แต่เป็น
การเอื้อประโยชน์ให้ผู้สมัครบางราย โดยที่คุณสมบัติของผู้บริหารส่วนราชการ ผู้บริหารหน่วยงานของรัฐ หรือผู้บริหารหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ กำหนดให้ใช้หลักเกณฑ์คงเดิมคือ ต้องเป็นหรือเคยเป็นผู้บริหารระดับรองหัวหน้าส่วนราชการ ระดับกรม รองเลขาธิการหรือผู้บริหารลำดับที่สองขององค์กร ซึ่งการปรับลดคุณสมบัติดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย นอกจากนี้ การกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีคัดเลือกและเกณฑ์การตัดสิน โดยกำหนดให้คะแนนเต็ม 100 คะแนน แบ่งออกเป็น 2 ด้าน คือ ด้านความรู้ ความสามารถและประสบการณ์ในการทำงานตามที่ประกาศกำหนด ซึ่งคณะกรรมการจะต้องพิจารณาจากเอกสารประกอบการสมัคร 20 คะแนน และด้านการแสดงวิสัยทัศน์จากการสัมภาษณ์ 80 คะแนน ส่วนการกำหนดหลักเกณฑ์สัมภาษณ์คณะกรรมการเสียงข้างมาก กำหนดให้เป็นการลงคะแนนลับคะแนนเต็ม 100 คะแนน และให้นำคะแนนของกรรมการทั้ง 7 คนมารวมกันและผู้ที่ได้คะแนนไม่น้อยกว่าร้อยละ 70 จะได้รับการพิจารณาการคัดเลือกต่อไป อย่างไรก็ตามการให้คะแนนลับของกรรมการทั้ง 7 คน ปรากฏข้อเท็จจริงเบื้องต้นว่า มีกรรมการเสียงข้างมาก 4 คน มีการกระทำเป็นการตกลงร่วมกันโดยให้คะแนน ผู้ที่ผ่านการคัดเลือก 1 คน เต็ม 100 คะแนน และให้คะแนนผู้สมัดรอีก 5 รายต่ำกว่า 70 คะแนนมาก ทำให้คะแนนรวมของผู้สมัครอีก 5 ราย น้อยกว่าร้อยละ 70 และไม่สามารถผ่านการคัดเลือกในขั้นตอนต่อไป ซึ่งเข้าข่ายปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ รวมทั้งมีกรรมการเสียงข้างน้อยขอให้มีการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ที่ได้คะแนนผ่านการประเมินตามที่ได้ระบุไว้ในใบสมัครว่ามีประสบการณ์เป็นกรรมการอิสระของบริษัทมหาชน โดยจากการตรวจสอบจากสำนักคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ให้ข้อเท็จจริงว่าตามกฎหมาย ระเบียบและข้อบังคับ กรรมการอิสระของบริษัทมหาชนไม่มีอำนาจหน้าที่ในการบริหาร แต่จะเป็นตัวแทนผู้ถือหุ้นรายย่อย แต่กรรมการเสียงข้างมาก 4 คน มีมติว่ามีคุณสมบัติด้านการบริหารองค์กรครบถ้วน และให้ประกาศผลการคัดเลือกดังกล่าว ดังนั้น การกระทำ

นายธีรัจชัย พันธุมาศ กล่าวภายหลังรับหนังสือว่า คณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า มีอำนาจหน้าที่ตามพระราชบัญญัติการแข่งขันทาง
การค้า พ.ศ.2560 ตามมาตรา 17 (3) เป็นองค์กรที่สกัดทุนใหญ่ไม่ให้มีการผูกขาดทางการค้า แต่เนื่องจากเป็นองค์กรที่ต้องมีตำแหน่งสำคัญ เลขาธิการฯ ต้องมีหน้าที่เป็นผู้บริหาร อย่างไรก็ตามกลับมีการกำหนดกฎเกณฑ์ที่มีการเอื้อผลประโยชน์ให้กับผู้ที่เข้ารับการคัดเลือกบางท่าน ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาได้ปรากฏพฤติการณ์คล้าย ๆ กันในอีกหลายหน่วยงาน นอกจากนี้จะมีการคัดเลือก กขค.ในเร็ว ๆ นี้ และเลขาธิการฯ ก็เป็นอีกหนึ่งเสียงสำคัญ ทั้งนี้ จะหารือกับประธานกมธ. ในการเร่งรัดตรวจสอบข้อเท็จจริง และโดยส่วนตัวตนจะยื่นกระทู้ถามเพื่อร่วมกันตรวจสอบองค์กรดังกล่าวให้ได้รับความเป็นธรรม และป้องกันการผูกขาดของกลุ่มทุน ถึงแม้ว่าเวลาในสภาจะเหลืออีกไม่มาก แต่ก็จะทำหน้าที่ตรวจสอบให้ดีที่สุด