|
|
|
|
|
|
|
|
ห้องข่าว >> ภาพข่าว >> ภาพข่าวสภาผู้แทนราษฎร  |
นายมานพ คีรีภูวดล กรรมาธิการกิจการศาล องค์กรอิสระ องค์กรอัยการ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน และกองทุน แถลงข่าวเกี่ยวกับการจัดสัมมนาเชิงปฏิบัติการสิทธิคนชายขอบ สถานะบุคคลและสัญชาติ ความล่าช้าที่ทุกฝ่ายต้องหาทางออกร่วม ๏ฟฝัน๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ 20 ๏ฟฝ.๏ฟฝ. 2565 |
|
|
|
|
วันอังคารที่ 20 ธันวาคม 2565 เวลา 13.10 นาฬิกา ณ ห้องแถลงข่าว ชั้น 1 อาคารรัฐสภา นายมานพ คีรีภูวดล กรรมาธิการกิจการศาล องค์กรอิสระ องค์กรอัยการ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน และกองทุน แถลงข่าวเกี่ยวกับการจัดสัมมนาเชิงปฏิบัติการสิทธิคนชายขอบ "สถานะบุคคลและสัญชาติ ความล่าช้าที่ทุกฝ่ายต้องหาทางออกร่วม" ซึ่งคณะกรรมาธิการฯ ร่วมกับภาคีเครือข่าย จัดขึ้นในวันนี้ ณ รัฐสภา โดยได้เชิญหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องและผู้ได้รับผลกระทบมาร่วมสัมมนาเพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาเรื่องสถานะบุคคลและสัญชาติใน 6 ประเด็นหลัก ได้แก่ 1. บุคคลในสถานศึกษาที่มีเลขประจำตัวขึ้นต้นด้วย G ซึ่งตามข้อตกลงในระดับสากลนั้น เด็กจะต้องมีสิทธิได้เข้ารับการศึกษาไม่ว่าจะชาติใด โดยปัจจุบันกระบวนการในการแก้ไขปัญหาเป็นไปด้วยความล่าช้า 2. เด็กไร้รัฐ ไร้สัญชาติที่ข้ามพรมแดนมาเรียนหนังสือ เนื่องจากประเทศไทยมีชายแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้านจึงจะมีเด็กส่วนหนึ่งที่ข้ามมาเรียนในประเทศไทย 3. กรณีพระภิกษุสงฆ์และสามเณร ซึ่งในหลักพระพุทธศาสนาไม่ได้ระบุว่าบุคคลที่จะบวชนั้นต้องมีเลขบัตรประจำตัวประชาชน 13 หลัก จึงมีการบวชตามพระธรรมวินัย ซึ่งบุคคลเหล่านี้เมื่อบวชแล้ว จะไม่ได้รับสิทธิต่าง ๆ 4. กลุ่มบุคคลติดตามแรงงาน คือ บุตรของแรงงานข้ามชาติ ซึ่งเด็กเหล่านี้จำเป็นต้องได้รับการศึกษาและการเข้าถึงระบบบริการสาธารณะ แต่หน่วยงานต่าง ๆ ยังไม่สามารถเข้ามาบริหารจัดการและแก้ไขปัญหาได้ 5. ผู้สูงอายุที่อยู่ในประเทศไทยมานานและรอการพิสูจน์เพื่อขอสัญชาติ 6. กลุ่มบุคคลที่ถูกถอนชื่อออกจากทะเบียนบ้าน โดยในเรื่องสถานะบุคคลและสัญชาตินั้น ตนได้ลงพื้นที่พบว่า งบประมาณ บุคลากร และวัสดุอุปกรณ์ไม่เพียงพอ รวมทั้งความเชี่ยวชาญ ความชำนาญในเรื่องงานทะเบียนมีน้อยมาก ซึ่งเป็นเรื่องเร่งด่วนที่กระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานด้านความมั่นคงอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ต้องตั้งงบประมาณในการแก้ไขปัญหา และขอเรียกร้องให้มีการนำร่องในพื้นที่จังหวัดที่มีปัญหามาก อาทิ เชียงราย แม่ฮ่องสอน ตาก กาญจนบุรี ระนอง เพชรบุรี และอุบลราชธานี ตลอดจนเสนอแนะกรณีที่กระทรวงมหาดไทยมีบุคลากรไม่เพียงพอ จะต้องมีการตั้งผู้ช่วยพนักงานราชการที่มีประสบการณ์ทำงานหลายสิบปีเข้ามาช่วย โดยตนเห็นว่าไม่ว่าบุคคลใดก็ตามที่เข้ามาอยู่ในประเทศไทยจะต้องมีสถานะ มีบัตร ซึ่งในเรื่องของกฎหมายนั้นมีความชัดเจนอยู่แล้ว ขาดเพียงกลไกและงบประมาณเท่านั้น หากเราสามารถดำเนินการนำร่องได้ก็จะช่วยผ่อนปัญหา ไม่ทำให้เกิดการละเมิดสิทธิมนุษยชนหรือการเป็นคนชายขอบ ทั้งนี้ หลังจากเสร็จสิ้นการสัมมนาแล้ว คณะกรรมาธิการฯ จะรวบรวมข้อมูลต่าง ๆ ส่งให้กับประธานสภาผู้แทนราษฎร กระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหม กระทรวงแรงงาน กระทรวงศึกษาธิการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป |
|
|
วีดิทัศน์
|
|
สงวนลิขสิทธิ์โดย สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ๑๑๑๑ ถ.สามเสน แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต กรุงเทพฯ ๑๐๓๐๐ Call Center ๑๗๔๓ โทรศัพท์ ๐ ๒๒๔๒ ๕๙๐๐ โทรสาร ๐ ๒๒๔๒ ๕๙๙๐ e-Mail : webmaster@parliament.go.th [คลิกดูแผนที่]
|
|
