|
|
ห้องข่าว >> ภาพข่าว >> ภาพข่าวสภาผู้แทนราษฎร |
นายสุเทพ อู่อ้น ประธานคณะ กมธ.การแรงงาน และคณะ รับยื่นหนังสือจาก น.ส.ปสุตา ชื้นขจร ผู้แทนมูลนิธิเพื่อสิทธิมนุษยชนและการพัฒนา (มสพ.)
๏ฟฝัน๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ 25 ๏ฟฝ.๏ฟฝ. 2565
|
วันพุธที่ 25 พฤษภาคม 2565 เวลา 11.10 น. ณ จุดรับยื่นหนังสือ ชั้น 1 (โซนกลาง) อาคารรัฐสภา นายสุเทพ อู่อ้น ประธานคณะ กมธ.การแรงงาน และคณะ รับยื่นหนังสือจาก น.ส.ปสุตา ชื้นขจร ผู้แทนมูลนิธิเพื่อสิทธิมนุษยชนและการพัฒนา (มสพ.) เพื่อขอให้พิจารณาตรวจสอบเงื่อนไขคุณสมบัติสัญชาติไทยของผู้ได้รับสิทธิโครงการ ม.33 เรารักกัน ซึ่งเป็นโครงการของรัฐบาลที่เสนอผ่านกระทรวงแรงงาน ดำเนินแผนงาน หรือโครงการที่มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือ เยียวยา ชดเชย ให้แก่ภาคประชาชน ตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลัง กู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยาและพื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) พ.ศ. 2563 ภายใต้แผนงานหรือโครงการที่ 2 งบประมาณรวม จำนวน 31,700 ล้านบาท กลุ่มผู้ประกันตนตามมาตรา 33 จำนวนประมาณ 9.7 ล้านคนโดยจ่ายเงินจำนวนคนละ 4,000 บาท โดยเปิดให้ผู้ประกันตนลงทะเบียนผ่านช่องทาง www.ม33 เรารักกัน.com ตั้งแต่วันที่ 21 ก.พ. ถึงวันที่ 7 มี.ค. 64 โครงการดังกล่าวได้มีการกำหนดเงื่อนไขว่า ผู้ประกันตนตามมาตรา 33 ที่มีสิทธิได้รับเงินช่วยเหลือดังกล่าว จะต้องมีคุณสมบัติเป็นผู้มีสัญชาติไทยเท่านั้น แม้ต่อมาหน่วยงานที่เกี่ยวข้องขยายโครงการ ระยะเวลาในการจ่ายเงินเยียวยาและเปิดโอกาสให้ผู้ประกันตนที่ยังไม่ได้รับสิทธิได้ จนถึง วันที่ 30 มิ.ย. 64 แต่ยังคงไว้ซึ่งเงื่อนไขดังกล่าวจึงมีผลให้ "บุคคลที่ไม่ได้ มีสัญชาติไทย" ไม่ได้รับสิทธิในเงินช่วยเหลือดังกล่าวแม้ว่าจะเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33 เช่นเดียวกับบุคคลที่มีสัญชาติไทย ดังนั้น มูลนิธิ มสพ.ดำเนินการในนามของผู้แทนแรงงานข้ามชาติซึ่งเป็นผู้ประกันตนตาม มาตรา 33 แห่งพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. 2533 แต่ไม่ได้รับสิทธิเข้าถึงเงินเยียวยาตามโครงการ "ม.33 เรารักกัน" เนื่องจากไม่ใช่บุคคลที่มีสัญชาติไทย มสพ. มีความเห็นว่าการที่โครงการ "ม.33 เรารักกัน " กำหนดเงื่อนไขให้ผู้ประกันตนตามมาตรา 33 ที่จะมีสิทธิได้รับเงินช่วยเหลือจะต้องเป็น "ผู้มีสัญชาติไทย"เท่านั้น เป็นการกระทำที่เป็นการจำแนก กีดกัน และเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมต่อแรงงานข้ามชาติผู้ไม่มีสัญชาติไทยที่เป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33 ด้วยเหตุผลความแตกต่างในเรื่องถิ่นกำเนิด เชื้อชาติ หรือสถานะของบุคคล ซึ่งการกระทำดังกล่าวไม่ชอบธรรมและไม่ชอบ ด้วยกฎหมาย ดังนี้ 1. ขัดต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 4 วรรคหนึ่ง และมาตรา 27 วรรคสาม 2. ผู้ประกันตนตามมาตรา 33 แห่งพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. 2533 ซึ่งประกอบด้วยแรงงานไทยและแรงงานข้ามชาติเป็นผู้ที่ทำงานขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย 3. ขัดต่อมาตรา 5 แห่งพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบ จากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. 2563 4. ขัดต่ออนุสัญญาว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติในทุกรูปแบบ อันเป็นพันธกรณีระหว่างประเทศที่ประเทศไทยเป็นภาคี ที่มีพันธะหน้าที่ว่าจะไม่กระทำหรือมีการปฏิบัติใด ๆ ที่ก่อให้เกิดการเลือกปฏิบัติ
ในการนี้ มสพ. ขอเสนอให้คณะ กมธ.การแรงงาน พิจารณาตรวจสอบและผลักดันนโยบายที่สามารถสนับสนุนให้เกิดความคุ้มครองทางสังคม และการเยียวยาผลกระทบ โดยไม่กีดกันเงื่อนไขทางเชื่อชาติและสัญชาติ นายสุเทพ อู่อ้น กล่าวภายหลังรับยื่นหนังสือว่า แรงงานข้ามชาติมีส่วนสำคัญในสังคมไทยในปัจจุบัน เมื่อเกิดปัญหาดังกล่าวขึ้น คณะกมธ.จะดำเนินการอย่างเร่งด่วน โดยเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูลเพื่อหาทางแก้ไขปัญหาดังกล่าวต่อไป |
|
|
สงวนลิขสิทธิ์โดย สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ๑๑๑๑ ถ.สามเสน แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต กรุงเทพฯ ๑๐๓๐๐
Call Center ๑๗๔๓ โทรศัพท์ ๐ ๒๒๔๒ ๕๙๐๐ โทรสาร ๐ ๒๒๔๒ ๕๙๙๐
e-Mail : webmaster@parliament.go.th [ คลิกดูแผนที่]
|
|
|
|