|
|
|
|
|
|
|
ห้องข่าว >> ภาพข่าว >> ภาพข่าวสภาผู้แทนราษฎร  |
รองประธานคณะ กมธ. การกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน คนที่หนึ่ง พร้อมด้วย นายนิรมิต สุจารี และนายอาดิลัน อาลีอิสเฮาะ โฆษกคณะ กมธ. แถลงข่าวว่าในวันนี้มีการประชุมคณะ กมธ. ๏ฟฝัน๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ 11 ๏ฟฝ.๏ฟฝ. 2565 |
|
|
| วันพุธที่ 11 พฤษภาคม 2565 เวลา 12.30 นาฬิกา ณ ห้องแถลงข่าว ชั้น 1 อาคารรัฐสภา นายชวลิต วิชยสุทธิ์ รองประธานคณะ กมธ. การกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน คนที่หนึ่ง พร้อมด้วย นายนิรมิต สุจารี และนายอาดิลัน อาลีอิสเฮาะ โฆษกคณะ กมธ. แถลงข่าวว่าในวันนี้มีการประชุมคณะ กมธ.โดยมีวาระการพิจารณาที่สำคัญสองเรื่องดังนี้ 1.ติดตามการทบทวนกระบวนการพิจารณาคำสั่งไม่ฟ้องของพนักงานอัยการหลังจากสภาผู้แทนราษฎรเมื่อคราวการประชุมวันที่ 19 ก.พ. 63 ได้มีมติเห็นชอบกับรายงานการศึกษาของคณะ กมธ. การกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน เรื่องการทบทวนกระบวนการพิจารณาคำสั่งไม่ฟ้องของพนักงานอัยการ โดยรายงานดังกล่าวมีสาระสำคัญสรุปว่า ให้ยกเลิกมาตรา 145/1 ของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา และให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทำหน้าที่พิจารณาคำสั่งไม่ฟ้องของพนักงานอัยการตามบทบัญญัติของมาตรา 145 เพื่อให้สอดคล้องกับบทบัญญัติรัฐธรรมนูญมาตรา 68 และมาตรา 258 ง ว่าด้วยการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม ซึ่งเป็นที่น่ายินดีว่าภายหลังจากรายงานของคณะ กมธ. ได้ผ่านความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎรแล้ว และได้แจ้งให้คณะรัฐมนตรีได้รับทราบแล้ว หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คือ กระทรวงมหาดไทยได้ดำเนินการยกร่างกฎหมายรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนและภาคส่วนต่าง ๆ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 77 จนกระทั่งได้เสนอผลการพิจารณาต่อพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้ลงนามให้ความเห็นชอบ เมื่อวันที่ 31 มี.ค.65 ที่ผ่านมา เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีให้พิจารณาเห็นชอบเสนอร่างกฎหมายดังกล่าวต่อสภาผู้แทนราษฎรตามกระบวนการต่อไป อย่างไรก็ตาม มีข้อสังเกตที่ต้องพิจารณาติดตามต่อไป แม้ว่าและพล.อ.ประวิตรวงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย จะลงนามให้ความเห็นชอบให้คืนอำนาจให้ผู้ว่าราชการจังหวัดในการให้ความเห็นแย้งในคดีอาญา แต่ระยะเวลาผ่านมาหนึ่งเดือนเศษ เรื่องดังกล่าวยังไม่ได้เข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี ทั้งที่เอกสารเรียนเลขาธิการคณะรัฐมนตรีประทับตราด่วนที่สุดซึ่งคณะ กมธ. จะติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิดต่อไป โดยมุ่งหวังให้ร่างกฎหมายฉบับนี้ได้รับการพิจารณาให้ทันในสมัยการประชุมนี้ 2. การพิจารณาปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในการบังคับใช้กฎหมายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างภายหลังจากได้มีการบังคับใช้กฎหมายตั้งแต่ปี 2563 ปรากฏว่ามีภาคส่วนต่าง ๆ ทั้งภาคธุรกิจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตลอดจนประชาชนทั่วไปร้องเรียนว่า ได้รับความเดือดร้อนจากกฎหมายฉบับนี้เป็นอย่างมาก แม้รัฐบาลจะผ่อนผันในการลดอัตราภาษีลงโดยมีพระราชกฤษฎีกาลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างมาแล้วสองครั้งในปี 2563 และ 2564 เพื่อปรับลดอัตราภาษีลง แต่ในปัจจุบันปี 2565 เป็นการเก็บภาษีอัตราก้าวกระโดดถึงร้อยละ 100 ส่งผลให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก ในวันนี้คณะ กมธ. ได้มีมติให้ส่งหนังสือไปยังกระทรวงการคลัง เพื่อขอให้มีพระราชกฤษฎีกาผ่อนผันอัตราภาษีลงอย่างเหมาะสม นอกจากนี้ จากการบังคับใช้กฎหมายมาตั้งแต่ปี 2563 ถึงปัจจุบัน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกองค์กรโดยเฉพาะกรุงเทพมหานคร ได้แจ้งต่อที่ประชุมคณะ กมธ. ว่าพบปัญหาอุปสรรคในการปฏิบัติงานอย่างมาก ซึ่งได้รับการชี้แจงจากผู้แทนกฤษฎีกาว่า หากกฎหมายนี้ยังบังคับใช้อยู่และมีปัญหาอุปสรรคมาก จะมีการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมายฉบับนี้ ว่าก่อให้เกิดความเดือดร้อนต่อประชาชนอย่างไรบ้าง อย่างไรก็ตาม คณะ กมธ. จะพิจารณาติดตามการบังคับใช้กฎหมายนี้อย่างใกล้ชิด เพื่อเสนอข้อคิดเห็นไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาแนวทางในการแก้ไขปัญหา หรือคณะกมธ.จะรวบรวมปัญหาต่าง ๆ เหล่านี้ เพื่อนำเสนอในการแก้ไขกฎหมาย ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณา และในวันนี้ได้มีการรับฟังความคิดเห็นจากสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เทศบาล ตลอดจนกรุงเทพมหานคร ซึ่งการประชุมในครั้งหน้า คณะกมธ จะเชิญภาคเอกชนและพี่น้องประชาชนทั่วไป ที่ได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาการบังคับใช้กฎหมายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างมาให้ข้อมูลเพื่อคณะ กมธ. จะได้รวบรวมและนำมาวิเคราะห์ เพื่อเสนอแนะต่อสภาผู้แทนราษฎรต่อไป |
|
|
วีดิทัศน์
|
|
สงวนลิขสิทธิ์โดย สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ๑๑๑๑ ถ.สามเสน แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต กรุงเทพฯ ๑๐๓๐๐ Call Center ๑๗๔๓ โทรศัพท์ ๐ ๒๒๔๒ ๕๙๐๐ โทรสาร ๐ ๒๒๔๒ ๕๙๙๐ e-Mail : webmaster@parliament.go.th [คลิกดูแผนที่]
|
|
