|
|
ห้องข่าว >> ภาพข่าว >> ภาพข่าวสภาผู้แทนราษฎร |
นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ ประธานคณะอนุ กมธ. กิจการศาล องค์กรอิสระ องค์กรอัยการ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน และกองทุน คณะที่สอง และคณะ แถลงข่าวผลการพิจารณาของคณะอนุ กมธ. กรณีที่การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย (ปตท.) ปรับขึ้นราคาน้ำมันเชื้อเพลิง
๏ฟฝัน๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ 14 ๏ฟฝ๏ฟฝ.๏ฟฝ. 2565
|
วันจันทร์ที่ 14 มีนาคม 2565 เวลา 11.45 นาฬิกา ณ ห้องแถลงข่าว ชั้น 1 อาคารรัฐสภา นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ ประธานคณะอนุ กมธ. กิจการศาล องค์กรอิสระ องค์กรอัยการ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน และกองทุน คณะที่สอง และคณะ แถลงข่าวผลการพิจารณาของคณะอนุ กมธ. กรณีที่การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย (ปตท.) ปรับขึ้นราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ส่งผลกระทบทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก ซึ่งคณะอนุ กมธ. ได้มีการพิจารณาแล้ว พบว่า ปตท. เป็นรัฐวิสาหกิจที่มีกำไรมากเกินไป แต่มีการนำส่งผลกำไรให้กับรัฐบาลในจำนวนน้อย และมีการกำหนดนโยบายราคาเชื้อเพลิงที่ไม่เป็นธรรมกับพี่น้องประชาชน เมื่อพิจารณาสัดส่วนของคณะกรรมการ ปตท. พบว่ามีคณะกรรมการที่เป็นภาคเอกชนมากกว่าภาครัฐบาล จึงทำให้ไม่มีการรักษาผลประโยชน์ให้กับพี่น้องประชาชน ซึ่งคณะอนุ กมธ. มีข้อสังเกตต่อกรณีดังกล่าว 3 ประการ คือ 1) ต้นทุนจริง คณะอนุ กมธ. ได้ขอข้อมูลไป แต่ได้รับการปฏิเสธว่าไม่สามารถให้ได้ ทั้งนี้ คณะอนุ กมธ. จะใช้กลไกของรัฐสภาในการดำเนินการเรียกขอข้อมูลต่อไป เพื่อนำมาศึกษาเพื่อรักษาผลประโยชน์ให้กับพี่น้องประชาชน หากทราบต้นทุนที่แท้จริง จะทำให้กำหนดราคาที่เหมาะสมและเป็นธรรมได้ 2) กำไรของปตท. มีการนำส่งให้รัฐบาลจำนวนที่น้อยเกินไป ในปี 2564 ปตท.นำส่งกำไรให้รัฐ จำนวน 83,526 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินปันผล ส่งกระทรวงการคลัง จำนวน 29,198 ล้านบาท เงินปันผลส่งกองทุนวายุภักดิ์ จำนวน 6,947 ล้านบาท และภาษีเงินได้ปตท. จำนวน 8,314 ล้านบาท ซึ่งภาษีเงินได้ปตท. ถือเป็นรายได้ที่ไม่ควรนำคำนวณ เพราะทุก ๆ ธุรกิจต้องเสียภาษีเงินได้และเป็นภาษีที่ต้องนำส่งให้กับรัฐบาลอยู่แล้ว จำนวนเงินรายได้นำส่งรัฐ ถือเป็นจำนวนน้อยมากเมื่อเทียบกับรายได้ที่ปตท.ได้จำนวน 2,258,818 ล้านบาท จึงเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริงกับสังคม ที่ว่า ปตท. นำส่งรายได้ให้กับรัฐจำนวนเยอะมาก ทำให้พี่น้องประชาชนเข้าใจผิดว่ามีการนำส่งกำไรให้รัฐบาลจำนวนมาก แต่จริง ๆ นำส่งให้รัฐแค่ 36,075 ล้านบาท หากลบจำนวนรายได้จากภาษีเงินได้ออกไปเนื่องจากเงินจำนวนดังกล่าวเป็นเงินที่ต้องนำส่งอยู่แล้ว 3) สาเหตุที่ปตท. นำส่งเงินรายได้ให้กับรัฐจำนวนน้อย เนื่องจากคณะกรรมการ ปตท. มีจำนวนทั้งสิ้น 15 คน ซึ่ง 10 คนมาจากภาคเอกชน และ 5 คน มาจากภาครัฐ ถือเป็นสัดส่วนคณะกรรมการจากภาครัฐ แค่ร้อยละ 33 ซึ่งไม่สอดคล้องกับข้อเท็จจริงที่ภาครัฐถือหุ้นถึงร้อยละ 62 การที่มีคณะกรรมการภาคเอกชนมากกว่าภาครัฐ ทำให้ไม่สามารถรักษาผลประโยชน์ให้กับพี่น้องประชาชน รวมไปถึงการออกนโยบายต่าง ๆ จะเป็นไปเพื่อรักษาผลประโยชน์ให้กับนายทุนมากกว่ารักษาผลประโยชน์ให้กับพี่น้องประชาชนหรือไม่ ประเด็นช่องว่างของสัดส่วนคณะกรรมการปตท. นั้น คณะอนุ กมธ. ได้สอบถามข้อเท็จจริงจากผู้แทนของทั้งสองฝ่าย และได้รับการยอมรับว่า ประเด็นนี้เป็นช่องว่างที่ทำให้ปตท. ถูกควบคุมจากภาคเอกชนหรือภาคธุรกิจมากเกินกว่าที่ควร จึงอยากเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีดำเนินการในเรื่องนี้โดยด่วน และตนในฐานะ ส.ส. จะตั้งกระทู้ถามเรื่องนี้ไปถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ว่าจะมีแนวทางในการดำเนินการในเรื่องนี้อย่างไรบ้าง มิฉะนั้นพี่น้องประชาชนจะได้รับความเดือดร้อนจากราคาเชื้อเพลิง และจะเชิญรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน มาหารือกับคณะอนุ กมธ. เพื่อหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ต่อไป เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชน
|
|
|
สงวนลิขสิทธิ์โดย สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ๑๑๑๑ ถ.สามเสน แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต กรุงเทพฯ ๑๐๓๐๐
Call Center ๑๗๔๓ โทรศัพท์ ๐ ๒๒๔๒ ๕๙๐๐ โทรสาร ๐ ๒๒๔๒ ๕๙๙๐
e-Mail : webmaster@parliament.go.th [ คลิกดูแผนที่]
|
|
|
|