วันศุกร์ที่ ๓๐ ตุลาคม ๒๕๖๓  เวลา ๐๘.๓๐ นาฬิกา ณ ห้องประชุมสถาพรกวิตานนท์ ๑
ชั้น ๓ อาคารบริการ โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ จ.ปทุมธานี
นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้เกียรติร่วมเป็น
วิทยากรในการเสวนาเรื่อง How do we prepare to live the next new normal

: Change with COVID-19 ในงานมหกรรมคุณภาพโรงพยาบาลธรรมศาสตร์

เฉลิมพระเกียรติ ครั้งที่ ๑๓ ประจำปี ๒๕๖๓
โดยมี ศ.ดร.สุรพล นิติไกรพจน์ ประธานคณะกรรมการบริหารโรงพยาบาลฯ
และ รศ.นพ.พฤหัส ต่ออุดม ผู้อำนวยการโรงพยาบาลฯ ร่วมเสวนา
ดำเนินรายการโดย พว.อรมณี ภัทรทิพากร

ในการนี้ นายอิสระ เสรีวัฒนวุฒิ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ร่วมรับฟังการเสวนา
ทั้งนี้ ประธานรัฐสภา ได้กล่าวถึงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-๑๙ ที่ส่งผลกระทบ
ต่อประชาชนในด้านต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านเศรษฐกิจ จึงต้องเร่งฟื้นฟูให้
เศรษฐกิจของประเทศดีขึ้นเพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าทุกภาคส่วนยังมีความห่วงใยเรื่องของการติดเชื้อ แต่ก็เชื่อมั่น
ในการแพทย์และการสาธารณสุขไทยว่าจะสามารถควบคุมสถานการณ์การแพร่
ระบาดได้ดี เนื่องจากมีบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถเป็นที่ยอมรับ และคนไทยได้ให้
ความร่วมมือกับมาตรการในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคเป็นอย่างดี
แม้แต่ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกที่อยู่ในห้องประชุมจะสวมหน้ากาก
อนามัยเพื่อความไม่ประมาท ดังนั้น เราควรสร้างวินัยในการใช้ชีวิตเพื่อให้ก้าวทันต่อ
การเปลี่ยนแปลงและสภาพปัญหาที่เกิดขึ้น และจากการที่ประเทศไทยเป็นประเทศ
เกษตรกรรมมีความอุดมสมบูรณ์ในเรื่องอาหาร ที่อยู่อาศัย และค่าครองชีพ
ที่ไม่สูงเกินไป จึงทำให้ประเทศไทยไม่มีวิกฤตร้ายแรงท่ามกลางปัญหา

ที่เกิดขึ้นเหมือนประเทศอื่น ๆ ที่มีปัญหามากกว่าประเทศไทยเรียกได้ว่า
ไทยเกิดวิกฤตเศรษฐกิจแต่ไม่เกิดวิกฤตสังคม เนื่องจากพื้นฐานวัฒนธรรม
ของคนเอเชียรวมถึงคนไทยที่มีลักษณะไม่ทอดทิ้งกัน และแนวทางเศรษฐกิจ
พอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ ซึ่งเป็นแนวทางที่ให้
คนรู้จักอยู่อย่างมีเหตุมีผล ไม่ฟุ่มเฟือยเกินความจำเป็น ต้องรู้จักประหยัด
และเหนือสิ่งอื่นใดจะต้องรู้จักปรับตนเองให้มีวินัยภายใต้ข้อจำกัดต่าง ๆ

จะต้องไม่เป็นอุปสรรคต่อประสิทธิภาพการทำงาน

นอกจากนี้ ได้กล่าวถึงอาชีพรับราชการซึ่งเป็นอาชีพที่ถือว่ามั่นคงที่สุด และประชาชน
มีความต้องการทำอาชีพนี้มากที่สุด แต่หากมีข้าราชการเพิ่มมากขึ้นเท่าไร
ภาระของประเทศก็จะมากขึ้นเท่านั้น เพราะข้าราชการ ๑ คน จะมีภาระ
ผูกมัดงบประมาณไปจนกว่าบุคคลนั้นเกษียณอายุราชการไม่ต่ำกว่า ๓๐ ล้านบาท
ซึ่งประธานรัฐสภา ได้กล่าวย้ำกับข้าราชการรัฐสภาเสมอว่า การเพิ่มข้าราชการใหม่
ทำได้ยาก