ความสัมพันธ์ระหว่างไทยและญี่ปุ่นซึ่งมีความสัมพันธ์อันดีต่อกันมายาวนานถึง 137 ปี ทั้งในระดับราชวงศ์ รัฐบาล รัฐสภา และประชาชน โดยเฉพาะความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดในระดับราชวงศ์ของสองประเทศ โดยปัจจุบันไทยและญี่ปุ่นมีความสัมพันธ์เป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์รอบด้าน (Comprehensive Strategic Partnership) ระหว่างกัน อีกทั้งนายกรัฐมนตรีของทั้งสองฝ่ายก็ได้มีการแลกเปลี่ยนการเยือนระหว่างกันความสัมพันธ์รัฐสภา ทั้งสองฝ่ายมีการแลกเปลี่ยนการเยือนระหว่างกัน

อย่างสม่ำเสมอทั้งในระดับทวิภาคีและพหุภาคี โดยฝ่ายไทยมีการเดินทางเยือนญี่ปุ่นของประธานรัฐสภาและสมาชิกรัฐสภา

บ่อยครั้ง 

นอกจากนี้ ยังได้มีการดำเนินกิจกรรมระหว่างกันโดยผ่านกลไกของกลุ่มมิตรภาพฯ ของทั้งสองฝ่ายด้านการเมือง สองฝ่ายได้มีการหารือแลกเปลี่ยนความคิดเห็นถึงสถานการณ์ทางการเมืองในปัจจุบัน และวิถีทางประชาธิปไตยของไทย ซึ่งนักธุรกิจญี่ปุ่นรวมถึงชาวญี่ปุ่นในไทยให้ความสนใจ ทั้งนี้ ประธานรัฐสภาได้อธิบายพัฒนาทางการเมืองของไทยและแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อให้มีความเป็นประชาธิปไตยมากขึ้นความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจ ญี่ปุ่นมีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจในประเทศไทย เนื่องจากมีการลงทุนของภาคเอกชนญี่ปุ่นในไทยจำนวนมากนับเป็นแหล่งสร้างงานที่สำคัญของคนไทย ทั้งนี้ ในอดีตเมื่อครั้งสมัยประธานรัฐสภาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม รัฐบาลญี่ปุ่นได้ให้ความช่วยเหลือด้านเงินกู้ยืมอัตราดอกเบี้ยต่ำระยะยาวแก่ไทยในการสร้างระบบสาธารณูปโภค ที่สำคัญคือ สนามบินสุวรรณภูมิ และท่าเรือ อันเป็นพื้นฐานในการพัฒนาประเทศของไทยทุกด้านโดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจความสัมพันธ์ด้านสังคมและประชาชน มีชาวไทยอาศัยและทำงานในญี่ปุ่นจำนวนมาก และมีชาวญี่ปุ่นอาศัยในไทยจำนวนมากเช่นเดียวกัน อันแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นในระดับประชาชนของสองประเทศ

นอกจากนี้ ยังมีการแลกเปลี่ยนการเดินทางเยือนในระดับประชาชน โดยในปี 2566 มีนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นเดินทางมาท่องเที่ยวไทย จำนวนประมาณ 8 แสนคน และมีชาวไทยไปเที่ยวญี่ปุ่นเป็นจำนวนมากถึงประมาณ 9 แสนคน ประธานรัฐสภา

ได้อวยพรให้เอกอัครราชทูตฯ พำนักอยู่ในไทยอย่างมีความสุข และรัฐสภายินดีให้การสนับสนุนการดำเนินงานสถานเอกอัครราชทูตฯ โอกาสนี้ เอกอัครราชทูตฯ ได้ขอบคุณประธานรัฐสภาที่ได้สละเวลาให้เข้าพบและอวยพรให้ประธานรัฐสภา

มีสุขภาพที่แข็งแรง พร้อมทั้งเรียนเชิญประธานรัฐสภารับประทานอาหารที่ทำเนียบเอกอัครราชทูตฯ หากโอกาสเอื้ออำนวย 

เครดิต : ข่าวโดยกลุ่มงานข้อมูลข่าวสารระหว่างประเทศ สำนักความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร