|
|
|
|
วันพฤหัสบดีที่ 8 สิงหาคม 2567 เวลา 13.30 นาฬิกา ณ ห้องแถลงข่าว ชั้น 1 อาคารรัฐสภา นางฐิติมา ฉายแสง นายสฤษฏ์พงษ์ เกี่ยวข้อง น.ส.ละออง ติยะไพรัช สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และ พ.ต.ท.บุญวาทย์ เชื้อเมืองพาน ที่ปรึกษาคณะทำงานทางการเมืองของรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่สอง ตัวแทนนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่สอง รับมอบแจกันดอกไม้จาก นายทศพร นิลกำแหง นายกสมาคมสหอุตสาหกรรมพืชกัญชงและกัญชา และคณะ เพื่อแสดงความขอบคุณในโอกาสที่สมาชิกฯ ได้อภิปรายสนับสนุนให้มีการแยกกัญชงออกจากกัญชา เพราะจะเป็นการส่งเสริมเกษตรกรวิสาหกิจชุมชน และผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์กัญชง หากกัญชงอยู่ในหมวดเดียวกับกัญชา จะทำให้ขั้นตอนการขออนุญาตปลูก การแปรรูปจะมีต้นทุนที่ค่อนข้างสูง ทำให้ไม่สามารถแข่งขันกับผู้ประกอบการในต่างประเทศได้
นางฐิติมา ฉายแสง กล่าวว่า พืชกัญชงเป็นพืชที่ไม่มีสารเสพติดแต่มีประโยชน์อย่างมหาศาล สามารถนำมาผลิตวัสดุอุปกรณ์ต่าง ๆ ได้อย่างหลากหลาย ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับประเทศชาติ โดยส่วนตัวแล้วตนต้องการให้แยกกัญชงออกจากกัญชา แล้วสนับสนุนส่งเสริมกัญชงให้ชัดเจนด้วยการมี พ.ร.บ.ยุทธศาสตร์กัญชงประเทศไทยเป็นประเทศเกษตรกรรมที่สามารถปลูกพืชได้หลายชนิดและกัญชงก็เป็นพืชชนิดหนึ่งที่มีประโยชน์มาก และสามารถสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศได้ จุดมุ่งหมายที่ตนลุกขึ้นอภิปรายในวันนั้น คือต้องการช่วยเหลือเกษตรกร ผู้ประกอบการกัญชง เพราะกัญชงเป็นพืชที่มีประโยชน์จึงต้องการให้ทุกคนช่วยกันสนับสนุน
ด้าน นายสฤษฏ์พงษ์ เกี่ยวข้อง ในฐานะที่เป็นเจ้าของญัตติให้แยก พ.ร.บ.กัญชงออกจากกัญชา และในการอภิปรายรายงาน ผลการพิจารณาศึกษาญัตติเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางการแยกกันชงออกจากกฎหมายว่าด้วยกัญชาและการควบคุมการใช้พืชกระท่อมเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 1 ส.ค. 67 ซึ่งนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่สอง ทำหน้าที่ประธานการประชุมในขณะนั้นเปิดโอกาสให้สมาชิก ฯ อภิปรายอย่างเต็มที่ และมี สส. ฝ่ายรัฐบาลหลายท่านมองเห็นว่าการแยกพืชกัญชงออกจากกัญชามีข้อดี และมีประโยชน์มากกว่ามีข้อเสีย แม้จะมีข้อเสียอยู่บ้าง แต่ในรายงานของคณะ กมธ. ไม่มีข้อดีของกัญชงปรากฏ จึงเป็นที่มาให้คณะของตนขอให้คณะ กมธ. กลับไปทบทวนและไม่รับรองรายงาน วันนี้พิสูจน์ให้เห็นว่า ตัวแทนบริษัทมหาชน สหอุตสาหกรรมเพื่อกัญชง และเกษตรกรที่ปลูกกัญชงทั่วประเทศ ที่เป็นต้นน้ำการผลิตกัญชง เห็นด้วยกับสิ่งที่พวกตนอภิปราย และเห็นตรงกันว่า หากนำกฎหมายรวมกันจะก่อให้เกิดความยุ่งยากและเพิ่มขั้นตอนในการขออนุญาตมากขึ้นทำให้เกษตรกรได้รับความเสียหาย วันนี้มูลค่าในการจดทะเบียนด้านกัญชงมีมูลค่ารวม 4 - 5 ล้านบาท ผลผลิตที่นำผลิตในประเทศและส่งออก รวมถึงการลงทุนจากต่างประเทศมีจำนวนมหาศาล ในภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ พืชการเกษตรอื่นที่ยังมีปัญหา เราควรมองหาพืชตัวใหม่ที่มีต้นทุนและมีคุณภาพ เช่น กัญชง นำมายกระดับเพื่อพัฒนานำกัญชงมาสู่อุตสาหกรรมเพื่อเลี้ยงดูประเทศ ตนเชื่อว่าจะทำให้กัญชงมีมูลค่าเพิ่มขึ้นเป็นแสนล้านบาท เมื่อเห็นว่ากัญชงมีประโยชน์ไม่มีโทษ เราไม่ควรละเลยโอกาสนี้ ควรสนับสนุนต่อยอดในภาคอุตสาหกรรม และภาคอุตสาหกรรมก็ทำให้เห็นอยู่แล้วมีสินค้าหลายชนิด เราควรใช้ยกระดับพัฒนาเพื่อหารายได้เข้าประเทศ ด้วยหัวใจที่คิดถึงเกษตรกรทั่วประเทศที่มีความสนใจปลูกกัญชงและที่ปลูกแล้ว พวกตนพรรคร่วมรัฐบาลส่วนใหญ่จึงมีความเห็นให้มีการแยกกฎหมายกัญชงออกจากกัญชา
|
|
|
สงวนลิขสิทธิ์โดย สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ๑๑๑๑ ถ.สามเสน แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต กรุงเทพฯ ๑๐๓๐๐
Call Center ๑๗๔๓ โทรศัพท์ ๐ ๒๒๔๒ ๕๙๐๐ โทรสาร ๐ ๒๒๔๒ ๕๙๙๐
e-Mail : webmaster@parliament.go.th [ คลิกดูแผนที่]
|
|
|
|
