|
|
เมื่อวันจันทร์ที่ 4 มีนาคม 2567 เวลา 14.00 นาฬิกา ณ ห้องรับรองพิเศษ 205 ชั้น 2 อาคารรัฐสภา นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้การรับรอง นายฮุน ซาเรือน (H.E. Mr. Hun Saroeun) เอกอัครราชทูตราชอาณาจักรกัมพูชา ประจำประเทศไทย โดยมี พลเอก วิชิต ยาทิพย์ สมาชิกวุฒิสภา และประธานกลุ่มมิตรภาพสมาชิกรัฐสภาไทย-กัมพูชา นายอารีเพ็ญ อุตรสินธุ์ ที่ปรึกษาประธานสภาผู้แทนราษฎร นายมุข สุไลมาน เลขานุการประธานสภาผู้แทนราษฎร นายธงชาติ รัตนวิชา ผู้ช่วยเลขานุการประธานสภาผู้แทนราษฎร นายฐาคณิษฐ์ พรทองประเสริฐ ผู้ช่วยเลขานุการประธานรัฐสภา นางฟารีดา สุไลมาน คณะทำงานทางการเมืองของประธานสภาผู้แทนราษฎร นายสุธีรพันธ์ สุขวุฒิชัย ที่ปรึกษาคณะทำงานทางการเมืองของประธานสภาผู้แทนราษฎร นายมีชัย ออสุวรรณ คณะทำงานทางการเมืองของประธานสภาผู้แทนราษฎร ว่าที่ ร.ต.ต.อาพัทธ์ สุขะนันท์ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร และนายอาพล นันทขว้าง ผู้อำนวยการสำนักความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ร่วมให้การรับรอง โดยทั้งสองฝ่ายได้หารือถึงความสัมพันธ์ของสองประเทศที่มีมาอย่างยาวนาน และมีการแลกเปลี่ยนการเยือนระหว่างกันในทุกระดับมาโดยตลอด โดยในระดับราชวงศ์ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ เยือนกัมพูชาหลายครั้ง อีกทั้งยังได้สร้างโรงเรียนในกัมพูชา 2 แห่ง ในระดับรัฐบาล ล่าสุดเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2567 นายกรัฐมนตรีกัมพูชาได้เดินทางเยือนไทยในฐานะแขกของรัฐบาล และได้เข้าพบปะหารือกับประธานรัฐสภาด้วย ซึ่งนายกรัฐมนตรีไทยก็ได้เดินทางเยือนกัมพูชาก่อนหน้านี้เช่นกัน ในอดีต ประธานรัฐสภาก็เคย เดินทางเยือนกัมพูชาหลายครั้ง และกำลังจะเดินทางเยือนกัมพูชาเพื่อเข้าร่วมงานเลี้ยงรอมฎอน ระหว่างวันที่ 21-23 มีนาคม 2567 และจะขอเข้าพบปะบุคคลสำคัญของกัมพูชาด้วย
ในด้านเศรษฐกิจ ภายหลังจากที่สองประเทศได้เป็นเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์แล้ว ในอนาคตจะพัฒนาความสัมพันธ์เป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์รอบด้านระหว่างกัน ไทยและกัมพูชาเป็นประเทศเพื่อนบ้านที่มีความใกล้ชิดกัน หากพัฒนาความร่วมมือระหว่างกันจะทำให้เกิดผลดีต่อทั้งสองฝ่าย กัมพูชาตั้งเป้ามูลค่าการค้าระหว่างกันของสองประเทศไว้ที่ 15 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ภายในปี 2568 โดยทางสถานเอกอัครราชทูตฯ ได้มีการหารือร่วมกับหลายภาคส่วนของไทย เพื่อผลักดันให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว ทั้งนี้ ประธานรัฐสภาได้เห็นพ้องกับนโยบายการพัฒนาความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจระหว่างกัน อันจะนำพาประโยชน์ต่อทั้งประชาชนของสองประเทศ
ด้านคมนาคม สองฝ่ายได้หารือถึงการพัฒนาเส้นทางการคมนาคมระหว่างกัน ให้มีการเปิดกว้างมากขึ้นโดยปัจจุบันกัมพูชาได้มีนโยบายในการพัฒนาโครงสร้างด้านการคมนาคม ได้แก่ การสร้างสนามบิน ท่าเรือ รถไฟความเร็วสูงและถนนเชื่อมโยงระหว่างกัน เป็นมูลค่ากว่า 4 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ อีกทั้งยังควรพัฒนาการท่องเที่ยวควบคู่กันไปในลักษณะการท่องเที่ยวในภูมิภาคอาเซียนทั้งนี้ ยังได้มีการหารือกันถึงความเป็นไปได้ในเรื่องการอำนวยความสะดวกเรื่องวีซ่าให้เป็นไปในลักษณะเดียวกับวีซ่าเชงเก้นของยุโรป เพื่อเป็นการเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวในภูมิภาคอาเซียน
ด้านการศึกษา ปัจจุบันมีนักศึกษากัมพูชาศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยฟาฏอนี ซึ่งประธานรัฐสภาดำรงตำแหน่งนายกสภามหาวิทยาลัยฯ ก่อนหน้าการระบาดของ COVID-19 มีนักศึกษากัมพูชามากกว่า 100 คน ส่วนมากเป็นชาวมุสลิม การศึกษานั้นนับเป็นการแลกเปลี่ยนความสัมพันธ์กันในระดับประชาชนด้วย ทั้งนี้ รัฐสภายินดีให้การสนับสนุนแก่สถานเอกอัครราชทูตกัมพูชาฯ ในการดำเนินกิจกรรมในทุก ๆ ด้านเพื่อให้ความสัมพันธ์ระหว่างกันมีความแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
เครดิตข่าว : โดยกลุ่มงานข้อมูลข่าวสารระหว่างประเทศ สำนักความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร |
|
|
สงวนลิขสิทธิ์โดย สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ๑๑๑๑ ถ.สามเสน แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต กรุงเทพฯ ๑๐๓๐๐
โทรศัพท์ ๐ ๒๒๔๒ ๕๙๐๐ โทรสาร ๐ ๒๒๔๒ ๕๙๙๐ e-Mail : webmaster@parliament.go.th [คลิกดูแผนที่]
|
|
|
|