นายรังสิมันต์ โรม ประธานคณะ กมธ. ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ มอบหมายให้นายปิยะพงษ์ วานิช นักวิชาการสนับสนุนงานด้านนิติบัญญัติ ประจำคณะ กมธ. รับยื่นหนังสือจากนายอานนท์ กลิ่นแก้ว ประธานศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) พร้อมด้วยนักรบเลือดสีน้ำเงินปกป้องราชบัลลังก์ เรื่อง ขอเตือนแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย หยุดก้าวก่ายกิจการภายในประเทศไทย และทวงถามเรื่องที่เคยมายื่นหนังสือให้ตรวจสอบเรื่องตั๋วปารีส

วันพุธที่ 29 พฤศจิกายน 2566 เวลา 15.10 นาฬิกา ณ จุดรับยื่นหนังสือ ชั้น 1 (โซนกลาง) อาคารรัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม ประธานคณะ กมธ. ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ มอบหมายให้นายปิยะพงษ์ วานิช นักวิชาการสนับสนุนงานด้านนิติบัญญัติ ประจำคณะ กมธ. รับยื่นหนังสือจากนายอานนท์ กลิ่นแก้ว ประธานศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) พร้อมด้วยนักรบเลือดสีน้ำเงินปกป้องราชบัลลังก์ เรื่อง ขอเตือนแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย หยุดก้าวก่ายกิจการภายในประเทศไทย และทวงถามเรื่องที่เคยมายื่นหนังสือให้ตรวจสอบเรื่องตั๋วปารีส สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 23 พ.ย. 66 แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย เดินทางมายื่นหนังสือต่อประธาน กมธ.ความมั่นคง ร้องเรียนกรณี ช่วยเหลือผู้ต้องขังคดีการเมืองให้ให้รับสิทธิการปล่อยตัวชั่วคราวและสิทธิในการพักโทษ หลังบางคนถูกคุมขังนานกว่า 3 ปี ซึ่งศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) และ นักรบเลือดสีน้ำเงินปกป้องราชบัลลังก์ ติดตามแล้วเกิดความกังวลใจ และมีข้อสงสัยในการทำงานของแอมเนสตี้ และผู้ต้องขังที่อ้างว่าโดนละเมิดสิทธิมนุษยชนกลุ่มนี้ เพราะตลอดระยะเวลาหลายปี ตั้งแต่ ปี 2563 เป็นต้นมา ไม่เคยหยุดการเคลื่อนไหว โดยอ้างว่ามีกลุ่มบุลคลในประเทศไทยถูกละเมิดสิทธิมนุษยชน ซึ่งความเป็นจริงนั้น กลุ่มบุคคลที่อ้างว่าถูกละเมิดเหล่านี้ทำผิดกฎหมายของประเทศไทยที่ได้บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย เช่น มาตรา 112 และ 116 และมาตราอื่น ๆ ที่ละเมิดสิทธิและเสริภาพต่อผู้อื่นอีกด้วย โดยกลุ่มบุคลและผู้ต้องขังที่อ้างว่าถูกละเมิดฯ กลุ่มนี้ ไม่เคยเคารพกฎหมาย พร้อมทั้งมีการละเมิดต่อผู้อื่นอีก เมื่อมีการดำเนินคดีตามกฎหมายขึ้นกลุ่มบุคคลและผู้ต้องขังคดีที่อ้างว่าถูกละเมิดฯ เหล่านี้ ได้ออกมาเรียกร้องให้หลายองค์กรช่วยเหลือ เพื่อขอให้ยกเลิกแก้ไขกฎหมายที่ตนทำผิด อีกทั้งเรียกร้องการนิรโทษกรรม ทั้งนี้กฎหมายได้บัญญัติให้ผู้ที่มีการกระทำความผิดไม่ว่าเยาวชนหรือผู้ใหญ่ มีกฎหมายคุ้มครองและมีบทลงโทษอยู่แล้ว สำหรับผู้กระทำความผิดแห่งคดีตามสมควรอยู่แล้ว เพราะในประเทศไทยไม่ว่าจะเป็นประชาชนธรรมดาตลอดจนถึงพระมหากษัตริย์ต้องมีกฎหมายคุ้มครองเช่นเดียวกัน โดยกฎหมายทุกมาตราใด้บัญญัติไว้ตามรัฐธรรมนูญอยู่แล้ว ซึ่งมีข้อบัญญัติ ว่าใครไม่สามารถทำละเมิดผู้อื่นได้ ดังนั้นศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) และนักรบเลือดสีน้ำเงินปกป้องราชบัลลังก์ จึงขอให้ประธานคณะ กมธ.ไม่นำเรื่องที่ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย ยื่นหนังสือเรียกร้องให้มีช่วยเหลือกรณีผู้ต้องขังคดีการเมืองไม่ได้รับสิทธิในการปล่อยตัวชั่วคราว และกรณีไม่ให้สิทธิในการพักโทษแก่นักโทษเด็ดขาดในคดีหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ขึ้นมาพิจารณา เพราะยังมีเรื่องอื่นที่ควรนำมาพิจารณาเพื่อเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติสืบต่อไป

นายปิยะพงษ์ วานิช กล่าวภายหลังรับหนังสือว่า นายรังสิมันต์ โรม ประธานคณะ กมธ. ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ มอบหมายให้ตนมารับหนังสือแทน เพราะประธานคณะ กมธ.ติดภารกิจอื่น เมื่อรับเรื่องดังกล่าวแล้วจะนำเรื่องดังกล่าวเสนอต่อคณะ กมธ. เพื่อพิจารณาต่อไป สำหรับเรื่องที่ศปปส.ทวงถามถึงเรื่องตั๋วปารีสนั้น คณะ กมธ. ได้นำเข้าสู่การพิจารณาในวันที่ 2 พ.ย.66 ไปแล้ว ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างทำหนังสือเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม หากผลการประชุมของคณะ กมธ.เป็นเช่นใด จะแจ้งให้ทางผู้ยื่นเรื่องทราบเป็นการต่อไป