วันพฤหัสบดีที่ 23 พฤศจิกายน 2566 เวลา 13.00 นาฬิกา ณ ห้องแถลงข่าว ชั้น 1 อาคารรัฐสภา น.ส.รักชนก ศรีนอก โฆษกคณะ กมธ.ศึกษาการจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณ พร้อมด้วยนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.พรรคก้าวไกล แถลงข่าวผลการประชุมของคณะ กมธ. ในวันนี้ ซึ่งได้มีการพิจารณาศึกษาการบริหารงบประมาณการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขึ้นทะเบียนผู้ก่อสร้างที่มีสิทธิเป็นผู้ยื่นข้อเสนอต่อกรมทางหลวงและกรมทางหลวงชนบท โดยได้เชิญผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูล ประกอบด้วย นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ในฐานะผู้ร้องเรียน กรมทางหลวง กรมทางกลวงชนบท กรมบัญชีกลาง คณะกรรมการราคากลางและขึ้นทะเบียนผู้ประกอบการ สำนักงบประมาณ และสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ทั้งนี้ ตามที่คณะกรรมการราคากลางและขึ้นทะเบียนผู้ประกอบการ ได้ออกประกาศคณะกรรมการราคากลางและขึ้นทะเบียนผู้ประกอบการ เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขึ้นทะเบียนผู้ประกอบการงานก่อสร้าง ที่มีสิทธิเป็นผู้ยื่นข้อเสนอต่อหน่วยงานรัฐ ลงวันที่ 17 พ.ย. 60 และปัจจุบันมีออกประกาศคณะกรรมการราคากลางและขึ้นทะเบียนผู้ประกอบการ เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขึ้นทะเบียนผู้ประกอบการงานก่อสร้าง ที่มีสิทธิเป็นผู้ยื่นข้อเสนอต่อหน่วยงานรัฐ ลงวันที่ 9 ต.ค. 66 คณะ กมธ. พิจารณาตั้งข้อสังเกตว่าการกำหนดผู้รับจ้างชั้น 1 และชั้นพิเศษนั้นไม่มีความแตกต่างกันในประเด็นทางเทคนิค คุณภาพของงาน สถิติประวัติการทิ้งงาน แต่มีเพียงปริมาณงาน (ถนนกว้างหรือมีระยะทางมากขึ้น) ที่ทำให้วงเงินงบประมาณแตกต่างกัน และข้อกำหนดในประกาศดังกล่าวจะส่งผลให้มีการฮั้วประมูลโดยง่าย ดังนั้น คณะ กมธ. จึงมีข้อเสนอแนะให้มีการแก้ไขประกาศคณะกรรมการราคากลางและขึ้นทะเบียนผู้ประกอบการฉบับข้างต้น เพื่อแก้ปัญหาการฮั้วประมูลที่อาจเกิด โดยมี 3 แนวทาง คือ 1. ยกเลิกผู้รับเหมาชั้น 1ก แล้วแก้ไขหลักเกณฑ์ผลงาน 1 โครงการภายใน 10 ปี ในการเลื่อนชั้นจากผู้รับเหมาชั้น 1 เป็นผู้รับเหมาชั้นพิเศษ จาก 450 ล้านบาท เป็น 250 ล้านบาท เพื่อให้ได้สัดส่วน "ครึ่งหนึ่งของวงเงินที่ผู้รับเหมาชั้น 1 ประมูลได้" สอดคล้องกับการเลื่อนชั้นของผู้รับเหมาชั้นอื่น ๆ ซึ่งทางเลือกนี้เป็นทางเลือกที่ดีที่สุด 2. แก้ไขหลักเกณฑ์ ผลงาน 1 โครงการภายใน 10 ปี ในการเลื่อนชั้นจากผู้รับเหมาชั้น 1ก เป็นผู้รับเหมาชั้นพิเศษ จาก 450 ล้านบาท เป็น 300 ล้านบาท เพื่อให้ได้สัดส่วน "ครึ่งหนึ่งของวงเงินที่ผู้รับเหมาชั้น 1ก ประมูลได้" สอดคล้องกับการเลื่อนชั้นของผู้รับเหมาชั้นอื่น ๆ 3. แก้ไขหลักเกณฑ์ห้วงเงินที่ผู้รับเหมาชั้น 1ก สามารถประมูลได้ ขยับจาก 600 ล้านบาท ให้อยู่ในระดับที่ไม่ต่ำกว่า 900 ล้านบาท ซึ่งจะมีมูลค่าเป็น 2 เท่าของผลงาน 1 โครงการภายใน 10 ปี ที่เป็นเกณฑ์ในการเลื่อนชั้นเป็นผู้รับเหมาชั้นพิเศษ ที่กำหนดไว้ที่ 450 ล้านบาท
ทั้งนี้ คณะ กมธ. ได้มีมติส่งหนังสือแจ้งข้อสังเกต ข้อเสนอแนะ และขอข้อมูลเอกสารประกอบการพิจารณาไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดังนี้ 1. ประธานคณะกรรมการราคากลางและขึ้นทะเบียนผู้ประกอบการ และอธิบดีกรมบัญชีกลาง เพื่อแจ้งให้ทราบว่า การออกประกาศคณะกรรมการราคากลางและขึ้นทะเบียนผู้ประกอบการ เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขึ้นทะเบียนผู้ประกอบการงานก่อสร้าง ที่มีสิทธิเป็นผู้ยื่นข้อเสนอต่อหน่วยงานรัฐ ลงวันที่ 9 ต.ค. 66 ซึ่งแก้ไขจากประกาศฉบับเดิม (ลงวันที่ 17 พ.ย. 60) นั้น ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ตรงจุด และเสนอแนวทางในการแก้ไขประกาศดังกล่าวซึ่งจะสามารถประหยัดงบประมาณแผ่นดินได้ประมาณ 4,000 5,000 ล้านบาท 2. ขอบันทึกการประชุมและชวเลข ของคณะกรรมการราคากลางและขึ้นทะเบียนผู้ประกอบการทั้งหมดซึ่งเกี่ยวข้องกับการประชุมเพื่อออกประกาศ 3. จัดทำหนังสือถึงสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน เพื่อแจ้งให้ตรวจสอบโครงการของกรมทางหลวงและกรมทางหลวงชนบท โดยมุ่งเน้นไปที่โครงการซึ่งมีมูลค่ามากกว่า 500 ล้านบาทขึ้นไป ซึ่งราคาที่มีการประมูลได้ใกล้เคียงกับราคากลาง 4. จัดทำหนังสือถึงสำนักงบประมาณของรัฐสภา เพื่อให้ศึกษาราคาประมูลเทียบราคากลางย้อนหลัง ในโครงการที่มีมูลค่าน้อยกว่า 450 ล้านบาท กับโครงการที่มีมูลค่ามากกว่า 500 ล้านบาทขึ้นไป ของกรมทางหลวงและกรมทางหลวงชนบท ว่าส่วนต่างราคากลางกับราคาประมูลนั้น แตกต่างกันอย่างมีนัยยะสำคัญหรือไม่ เพื่อจัดทำเป็นเอกสารประกอบการพิจารณาของคณะ กมธ. ต่อไป
|