วันพฤหัสบดีที่ 23 พฤศจิกายน 2566 เวลา 09.30 นาฬิกา ณ จุดรับยื่นหนังสือ ชั้น 1 (โซนกลาง) อาคารรัฐสภา นายณัฐวุฒิ บัวประทุม กรรมาธิการและที่ปรึกษาคณะ กมธ. กิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ ผู้พิการ กลุ่มชาติพันธุ์ และผู้มีความหลากหลายทางเพศ รับยื่นหนังสือจาก นายศุภชีพ ดิษเทศ นายกสมาคมสภาคนพิการทุกประเภทแห่งประเทศไทย และคณะ เพื่อขอให้คณะ กมธ. สนับสนุน ข้อเสนอเชิงนโยบายด้านการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการต่อรัฐบาล ที่สมาคมสภาคนพิการทุกประเภท แห่งประเทศไทยและภาคีเครือข่าย มีมติเห็นชอบในงานสมัชชาคนพิการแห่งชาติและประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2565 เมื่อวันที่ 24 ก.ค. 66 ในเรื่องสำคัญเร่งด่วน 2 ประการ ได้แก่ 1. ขอให้ยุติการนำเงินกองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดิน เนื่องจากรัฐบาลชุดที่ผ่านมา โดยกระทรวงการคลังมีหนังสือด่วนที่สุด ที่ กค 0406.2/ว312 ลงวันที่ 1 มิ.ย. 66 เรื่อง ขอความร่วมมือให้กองทุนฯ สังกัดกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ยืนยันผลการคำนวณทุนหรือผลกำไรส่วนเกินของทุนหมุนเวียนส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดินปีบัญชี 2566 เพื่อให้คณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียนพิจารณาเสนอแนะต่อคณะรัฐมนตรีเรียกให้กองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการนำทุนหรือผลกำไรส่วนเกินของทุนหมุนเวียนส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดินจำนวน 3,072,881,770.30 บาท เหมือนในปี 2559 ที่รัฐบาลเดียวกัน เคยยึดเงินจากกองทุนฯ ไปถึง 2,000 ล้านบาท ทว่าสมาคมสภาคนพิการทุกประเภทแห่งประเทศไทยและภาคีเครือข่าย ได้ต่อสู้ฟ้องร้องเพื่อปกป้องคุ้มครองเงินของคนพิการในกองทุนฯ จนกระทั่งศาลปกครองสูงสุดได้พิจารณาพิพากษาให้กระทรวงการคลังคืนเงินที่ยึดไปจากกองทุนคนพิการกลับคืนมา 1,000 ล้านบาท ทั้งนี้ ขอให้คณะ กมธ. ช่วยสนับสนุนเรื่อง การยกระดับกองทุนคนพิการให้มีฐานะเป็นนิติบุคคลต่อไปด้วย
2. ขอให้หน่วยงานของรัฐเร่งจ้างงานคนพิการให้ครบถ้วนตามที่กฎหมายกำหนด (พ.ร.บ.ส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ. 2550) โดยข้อมูลการรับคนพิการเข้าทำงานในหน่วยงานของรัฐของปี 2566 ณ เดือนมิถุนายน หน่วยงานของรัฐยังต้องจ้างงานคนพิการอีกกว่า จำนวน 15,798 คน (ร้อยละ 84.18) จากที่ต้องจ้างทั้งหมด จำนวน 18,766 คน ประกอบกับเมื่อวันที่ 25 ก.ค. 66 คณะรัฐมนตรีก็มีมติ เรื่อง การจ้างงานคนพิการในหน่วยงานของรัฐเช่นเดียวกัน ทั้งนี้ ขอให้คณะ กมธ. ส่งเสริมการคุ้มครองสิทธิและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ ตามอำนาจหน้าที่ ๆ กำหนดในข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เหมือนดังที่ได้ทำมาตลอด ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายการบริหารกระทรวงพม. "พม. พอใจ : ให้ทุกวัยพึงใจใน พม." ด้านคนพิการ ตามที่ นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพม. ได้มอบไว้เมื่อวันที่ 19 ก.ย. 66 อีกด้วย
นายณัฐวุฒิ บัวประทุม กล่าวภายหลังรับหนังสือว่า ได้รับมอบหมายจาก นายพาณุวัฒณ์ สะสมทรัพย์ ประธานคณะกมธ. รับหนังสือในวันนี้ สำหรับผู้พิการที่เดินทางมายื่นหนังสือที่สภา เราต้องเปลี่ยนวิธีคิดหรือมุมมองว่าในเรื่องของสภาที่ดีที่สุดคือพื้นที่ที่เปิดให้มีโอกาสของทุกคนไม่ว่าจะมีความแตกต่างแบบใด ประการใด สามารถสื่อสารถึงประเด็นปัญหาหรือความต้องการได้ ทำให้เห็นถึงความสำคัญของล่ามภาษา อักษรเบลหรือแม้กระทั่งในอนาคตหากมีกลุ่มชาติพันธุ์ที่จำเป็นที่จะต้องใช้ภาษาในการสื่อสารเป็นการเฉพาะสภาก็ต้องมีจุดหรือเปิดรับให้สามารถสื่อสารได้ การมาของพี่น้องคนพิการ 7 ประเภท สามารถเดินทางมาได้ดีกว่าหลาย ๆ ครั้งที่ผ่านมา เพราะแต่เดิมแม้กระทั่งที่จอดรถคนพิการหรือช่องทางที่จะเดินมาถึงจุดที่ยื่นหนังสือ มีความยากลำบาก สภาจึงต้องสามารถโอบรับกับทุก ๆ ความแตกต่างหรือความหลากหลายได้ สำหรับกฎเกณฑ์ กติกาต่าง ๆ ที่เปิดช่องให้คนพิการอยู่ได้อย่างมีศักดิ์ศรี แต่ปรากฏว่าภาครัฐกลับกลายเป็นหน่วยงานที่ละเลยต่อการปฏิบัติดังกล่าว แม้กระทั่งประเด็นเรื่องของการจ้างงานที่รัฐให้เอกชนจ้างงานคนพิการ แต่รัฐยังไม่สามารถปฏิบัติตามกฎหมายหรือสิ่งที่ตนเองออกได้ยกเว้นกรุงเทพมหานคร จึงคิดว่าเรื่องดังกล่าวเป็นประเด็นเร่งด่วน ซึ่งในวิสัยทัศน์ของนายปดิพัทธิ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่หนึ่ง ก็ได้เคยพูดเรื่องดังกล่าวอีกด้วย
สำหรับประเด็นเงินกองทุนฯ ซึ่งเป็นเงินที่เก็บจากกรณี ผู้ประกอบการไม่สามารถจ้างงานคนพิการได้ จึงอุดหนุนเงินเข้ากองทุนฯ แทน แต่ปรากฏว่าเงินดังกล่าว ไม่สามารถเอาไปใช้กับคนพิการ โดยเฉพาะคนพิการที่อยู่ในพื้นที่ชายขอบหรือพื้นที่ต่างจังหวัดต่าง ๆ ประเด็นนี้คณะ กมธ.จะนำไปพิจารณาศึกษาและดูความเป็นไปได้ว่าอย่างน้อยที่สุด ต้องชะลอการเรียกเงินกลับคืนก่อน แต่ว่าจะนำไปสู่การแก้ไขมากกว่านั้นได้หรือไม่อย่างไร และในประเด็นการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น ซึ่งพบว่าการขึ้นทะเบียนคนพิการ ณ ศูนย์ราชการจังหวัดนั้น ตั้งห่างจากตัวจังหวัดมาก ยากลำบากสำหรับคนพิการในการที่จะเดินทางไป เพราะฉะนั้นกรณีไม่ว่าจะเป็นการขึ้นทะเบียนหรือการประชุมของคณะกรรมการในระดับจังหวัดที่จะอนุมัติเงินช่วยเหลือคนพิการ ควรมีการปลดล็อคการกระจายอำนาจของผู้คนพิการสู่ท้องถิ่นเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้พิการ คณะกมธ. จะนำไปพิจารณาว่าจะมีการแก้ไขอย่างไรได้บ้าง
นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวง พม. ได้แถลงนโยบายและสัญญาประชาคมไว้ว่าจะมีการแก้ไขพระราชบัญญัติที่เกี่ยวข้องกับคนพิการ ดังนั้น หน้าที่ของคณะ กมธ.ในฐานะตัวแทนประชาชน ต้องมาติดตามว่าการแก้ไขดังกล่าวนั้นจะสอดคล้องกับความต้องการของผู้พิการและเป็นประโยชน์สูงสุดต่อผู้พิการหรือไม่
ทั้งหมดนี้ คณะ กมธ. จะรับไปพิจารณาต่อ ซึ่งทางคณะ กมธ. ขอขอบพระคุณพร้อมให้กำลังใจ และชื่นชม น้อมรับสิ่งที่ยังเป็นข้อบกพร่องในการบริหารจัดการให้กับผู้พิการ เพราะเรื่องดังกล่าวมิใช่เรื่องสวัสดิการแต่เป็นเรื่องสิทธิขั้นพื้นฐาน และเป็นเรื่องศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ที่ทุก ๆ คนควรได้รับการปฏิบัติเช่นเดียวกัน |